หุ้น Tesla พุ่ง 22% ปิดตลาดด้วยราคา 260.48 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ถือเป็นผลตอบแทนที่ดีที่สุดภายในวันเดียวของหุ้น Tesla นับตั้งแต่ปี 2013 ท่ามกลางการคาดการณ์อย่างมั่นใจของ อีลอน มัสก์ ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพการเติบโตในการขายรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
มัสก์เชื่อว่าการเติบโตของยอดขายน่าจะทำได้ถึงระดับ 20-30% ในปีหน้า และยังให้คำมั่นสัญญาว่าจะเปิดตัวรถยนต์ราคาประหยัดในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อีกทั้งยังกล่าวเสริมด้วยว่า ความพยายามของบริษัทในการลดต้นทุนการผลิตก็เพื่อช่วยให้กำไรในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา CNBC เผยรายงานผลประกอบการของบริษัท Tesla ที่มีรายได้อยู่ที่ 2.518 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้จะต่ำกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ 2.537 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตัวเลขก็สูงกว่า 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย Tesla มีกำไรต่อหุ้นที่ 0.72 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.58 ดอลลาร์สหรัฐ
การขยับขึ้นของราคาหุ้นครั้งนี้ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยกู้ความเชื่อมั่นให้กลับมา หลังจากที่นักลงทุนบางกลุ่มเทขายหุ้นออกไป เนื่องจากความกังวลที่มัสก์ดูเหมือนจะหลุดโฟกัสจากรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท
ในช่วงที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ มีท่าทีที่จะขยับทิศทางของ Tesla จากผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปสู่ตลาดกลุ่มใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์มากขึ้น แต่ยังไม่สามารถกางแผนธุรกิจออกมาได้อย่างชัดเจนในส่วนนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้น Tesla เมื่อต้นเดือนตุลาคม เพราะพวกเขามองว่างานเปิดตัวโรโบแท็กซี่ให้รายละเอียดไม่เพียงพอ
ย้อนกลับไปเมื่อไตรมาสที่ 3 อีลอน มัสก์ ประกาศเกี่ยวกับหลายอย่างยกเว้นรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่แท็กซี่ไร้คนขับไปจนถึงหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มกังวลว่าผลกำไรจะยิ่งลดต่ำลงจากการที่บริษัทขายรถในราคาต่ำอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกันมัสก์หวังว่ารถยนต์ Tesla จะสามารถให้บริการรถโดยสารไร้คนขับได้ในปีหน้า ซึ่งตอกย้ำคำสัญญาที่ให้ไว้ในงานเปิดตัวโรโบแท็กซี่
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ก็มองว่า แผนดังกล่าวน่าจะเผชิญกับความท้าทายด้านกฎระเบียบหลายประการ ซึ่งก็ต้องรอดูว่า อีลอน มัสก์ จะทำได้ตามที่เขาสัญญาไว้หรือไม่?
อ้างอิง:
