ภายหลังเจรจากันมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2019 ในที่สุดกลุ่มทุนที่นำโดย Tencent Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อโซเชียลและเกมจากแดนมังกรก็บรรลุข้อตกลงในการซื้อหุ้น 10% ด้วยมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.02 แสนล้านบาท ใน Universal Music Group จาก Vivendi ซึ่งเป็นกลุ่มสื่อยักษ์ของฝรั่งเศส
ดีลยังไม่หมดเท่านี้ กลุ่มทุนจีนยังสามารถซื้อหุ้นอีก 10% ในราคาเดียวกันนี้ก่อนวันที่ 15 มกราคม 2020 คาดว่าการซื้อหุ้นจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งปีแรก 2020 และจะต้องได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบเสียก่อน
Universal Music Group ถือเป็นบริษัทเพลงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่าบริษัทกว่า 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.01 ล้านล้านบาท และมีศิลปินท็อปลิสต์ของโลกอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์, เลดี้ กาก้า, อะรีอานา กรานเด, อเดล, เจ บัลวิน, The Beatles และ J. Cole รวมไปถึงอีกหลายคน
การเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำให้ Tencent สามารถนำเพลงของศิลปินในเครือขึ้นให้บริการในสตรีมมิงของตัวเองได้ โดย Vivendi ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากบริการ Music Streaming จนทำให้รายได้จากการขายเพลงเติบโตเฉลี่ย 7% นับจากปี 2014 เป็นต้นมา และการสตรีมมิงกลายเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมเพลง ซึ่งมี Apple, Spotify, Amazon และ Deezer เป็นแรงผลักดันหลัก
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่าการเติบโตของ Music Streaming นั้นเริ่มช้าลงในยุโรปและอเมริกาเหนือ ในขณะที่ในเอเชียนั้นค่ายเพลงต้องเผชิญกับการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง และยังมีเพลงจากค่ายท้องถิ่นซึ่งถูกจริตกับคนฟังมากกว่า ดังนั้นการเข้าถือหุ้นของ Tencent จะช่วยให้ Universal Music เข้าถึงผู้ฟังชาวเอเชียได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Tencent ก็ได้เข้าถือหุ้น 7.5% ใน Music Streaming สัญชาติสวีเดนอย่าง Spotify ด้วย
ตามประกาศของ เซอร์ ลูเซีย เกรนจ์ ประธานและหัวหน้าผู้บริหารของ Universal Music Group ได้ส่งอีเมลถึงพนักงานเพื่อให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่าข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ส่งผลให้ Tencent มีอิทธิพลเหนือการดำเนินงานของบริษัท
“ยกเว้นทรัพยากรเพิ่มเติมที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นไปอีก นอกเหนือจากนั้นทุกอย่างจะเหมือนเดิม ทั้งกลยุทธ์ หน่วยธุรกิจ และคน” แม่ทัพของ Universal Music Group กล่าว “นี่คือการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา ซึ่งมีทีมงานและผลงานที่ยอดเยี่ยม”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
