วันนี้ (23 กรกฎาคม) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบวัดในจังหวัดนครสวรรค์ โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ยังคงลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเป็นวันที่สาม และได้รับรายงานว่ามีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะประเด็นเส้นทางการเงินและบัญชีต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการข่มขู่เจ้าหน้าที่ว่าจะฟ้องปิดปาก หรือฟ้องบิดเบือนคดี ว่าในการสัมมนาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ฝากประชาสัมพันธ์ว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือ ดูแล และให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการปราบปรามการทุจริต เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ พร้อมยืนยันว่าหากมีการฟ้องร้อง ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ก็ยินดีที่จะดูแล รับฟัง และแก้ไขปัญหาให้ ซึ่งถือเป็นเกราะคุ้มกัน ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังกล่าวถึงการตรวจสอบวัดม่วงว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปดำเนินการเช่นกัน เนื่องจากมองว่าที่มาของเงินวัดยังไม่ชัดเจน ซึ่งต้องหาพยานหลักฐานและความเชื่อมโยง โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในไม่ช้านี้เช่นกัน และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการนำทองบางส่วนไปขาย ซึ่งเป็นส่วนที่สถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษมจะต้องเป็นผู้ดำเนินคดี
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ขณะนี้คดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาได้ถูกโอนเข้ามาอยู่ในศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) อาจเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการทำงาน แต่จะต้องมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นเพื่อความรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ โดยจะมีทั้งเรื่องที่ บก.ปปป. ตรวจสอบเอง และกระจายไปยังภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ ส่วนเรื่องใดที่ตรวจสอบแล้วไม่มีมูลก็จะยุติการสืบสวนไป