ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับการให้บริการรถแท็กซี่จากผู้โดยสาร ยังมีให้เห็นเป็นประจำ ส่วนใหญ่เกิดจากการปฏิเสธรับผู้โดยสาร มารยาทของพนักงานขับรถ เป็นต้น
แม้ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกจะออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริการ ทั้งการกำหนดให้รถแท็กซี่จดทะเบียนใหม่ทุกคัน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่วนควบเพื่อความปลอดภัย ประกอบด้วย GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสารเพื่อขอความช่วยเหลือ กล้องบันทึกภาพในรถ โป๊ะไฟหลังคาแบบใหม่ เชื่อมต่อข้อมูลกับศูนย์บริหารจัดการแท็กซี่ด้วยระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก ผ่านศูนย์บริการสื่อสารรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) ของเอกชน เพื่อส่งข้อมูลการเดินรถลักษณะ On-Line แบบเรียลไทม์
จนมาถึงการยกระดับมาตรฐานการให้บริการรถแท็กซี่มิติใหม่ ภายใต้โครงการ ‘Taxi OK’ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ผู้โดยสารสามารถร้องเรียนการให้บริการ และตรวจสอบความถูกต้องของค่าบริการ
ปัจจุบันมีรถ Taxi OK วิ่งให้บริการกว่า 10,000 คัน โดยมีศูนย์บริการสื่อสารรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) ของภาคเอกชนจำนวน 18 แห่ง ทำหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
ล่าสุด นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การให้บริการรถ TAXI VIP เป็นรูปแบบการให้บริการที่เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับรองรับความต้องการกลุ่มผู้โดยสาร เช่น ลูกค้าองค์กรธุรกิจ ธุรกิจโรงแรม นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ต้องการความหรูหรา สะดวกสบาย และการให้บริการในการเดินทางระดับพรีเมียม ปัจจุบันมีเอกชนเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C 350 e Avantgarde มาให้บริการไปแล้ว
กรมการขนส่งทางบกได้เปิดตัว Taxi VIP ระยะที่ 2 นำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพิ่มทางเลือกให้ประชาชนเป็นครั้งแรก สนองนโยบายรัฐบาลลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบวันที่ 9 กันยายนนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า ปัจจุบันมีรถแท็กซี่ทั้งนิติบุคคลและส่วนบุคคล รวมถึงรถแท็กซี่ตามโครงการ Taxi OK และ Taxi VIP จำนวน 78,531 คัน โดยแท็กซี่แต่ละคัน หลังจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว จะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 9 ปี โดยในปี 2561 จะมีรถแท็กซี่ครบอายุการใช้งานประมาณ 3,500 คัน และในปี 2562 จำนวน 7,330 คัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล