Takashimaya ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าหรูหราของญี่ปุ่น เตรียมเปิดศูนย์การค้าในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ภายในปี 2026 ซึ่งจะเป็นสาขานอกประเทศแห่งแรกในรอบ 8 ปี คาดว่าจะลงทุนประมาณ 2,000 ล้านเยน (ประมาณ 410 ล้านบาท) ในการเปิดห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ โดยจะเป็นห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นแห่งแรกในกรุงฮานอย
นอกจากห้างสรรพสินค้าแล้ว โครงการในฮานอยยังประกอบด้วยพื้นที่อยู่อาศัย สำนักงาน และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นการเปิดสาขาในต่างประเทศครั้งแรกของ Takashimaya นับตั้งแต่ปี 2018 ที่เปิดสาขาในกรุงเทพฯ และจะเป็นห้างแห่งที่ 5 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน
บริษัทมองว่าในขณะที่ตลาดญี่ปุ่นเติบโตได้ยากลำบาก การรุกเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นช่องทางในการขยายฐานกำไร
Takashimaya มองเวียดนามเป็นตลาดหลักในการเติบโต เนื่องจากชนชั้นกลางและผู้มีกำลังซื้อระดับสูงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม Takashimaya ต้องเผชิญการแข่งขันอย่างหนัก ทั้งผู้เล่นท้องถิ่นอย่าง Lotte Group ของเกาหลีใต้ ที่ได้เปิดห้างและซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงฮานอยแล้ว และยังมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่าง AEON MALL จากญี่ปุ่นเช่นกัน
“เราจะสร้างร้านค้าที่แข่งขันกับรายอื่นได้อย่างแน่นอน” Yoshio Murata ประธานของ Takashimaya กล่าว “ความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพแบบญี่ปุ่นจะสูงตามมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น”
ศูนย์การค้าแห่งใหม่จะมีห้างสรรพสินค้าพื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร พร้อมด้วยร้านค้าอื่นๆ โดย Takashimaya กำลังพิจารณาที่จะดึงร้านค้าญี่ปุ่นมาลงขายสินค้าหลากประเภท ตั้งแต่อาหาร เครื่องสำอาง และเสื้อผ้าเด็ก
นอกเหนือจากกรุงฮานอยแล้ว Takashimaya ยังมีพื้นที่ค้าปลีกในนครโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งมีรายได้เติบโตดี โดยมีสินค้าเด็กที่ขายดีเป็นพิเศษ และในอนาคตมีแผนจะขยายสาขาในนครโฮจิมินห์ซิตี้ด้วย
นอกจากค้าปลีกแล้ว Takashimaya ยังได้ลงทุนในการก่อสร้างและบริหารโรงเรียนร่วมกับพันธมิตรในเวียดนาม และยังจะลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ด้วย
Takashimaya มีเป้าหมายให้ธุรกิจเวียดนามมีผลกำไรและเงินปันผลรวมกันถึง 4,400 ล้านเยน (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) ภายในปีงบประมาณ 2027 โดยการขยายธุรกิจในต่างประเทศจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตครั้งต่อไปของบริษัท
ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงทำให้ห้าง Takashimaya ในเซี่ยงไฮ้ประสบปัญหาพื้นที่ว่างและค่าเช่าที่สูง Murata ส่งสัญญาณว่า Takashimaya จะขยายสู่ตลาดอื่นๆ โดยกล่าวว่า “เรายินดีที่จะมองหาโครงการที่คุ้มค่าแก่การลงทุน โดยตลาดหลักจะอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
อ้างอิง: