ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินของไต้หวัน ยืนยันว่าไต้หวันจะไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของจีนภายใต้หลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ ขณะที่จีนตอบโต้ทันควันว่าการรวมชาติเป็น ‘เรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้’ และจีนจะไม่ยอมให้ไต้หวันมีเอกราชอย่างสมบูรณ์
ในสปีชหลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของไช่อิงเหวิน ผู้นำพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ ‘หมินจิ้นตั่ง’ ประกาศชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีนได้มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์
เธอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่ต้องหาหนทางอยู่ร่วมกันในระยะยาว และป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งและความเป็นปรปักษ์ยิ่งเลวร้ายลง พร้อมเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายหันมาเจรจาบนความเท่าเทียมกัน
“ฉันขอย้ำที่นี่ถึงคำว่า ‘สันติภาพ ความเสมอภาค ประชาธิปไตย และการพูดคุย’ เราจะไม่ยอมรับหลักการ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ เพื่อทำลายสถานภาพที่เป็นอยู่ของไต้หวัน” ไช่อิงเหวินกล่าว
ทั้งนี้จีนมองไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และที่ผ่านมาต้องการให้ไต้หวันรับหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ ที่จีนใช้กับฮ่องกงตอนที่กลับคืนสู่การปกครองของจีนเมื่อปี 1997
ด้านสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนตอบโต้ท่าทีของไช่อิงเหวินว่าจีนจะยึดถือนโยบายหนึ่งประเทศ สองระบบ และจะไม่ปล่อยให้เกิดการแยกตัวเป็นเอกราชอย่างแน่นอน
“การรวมชาติเป็นเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของชาติจีน เรามีปณิธานอันแน่วแน่ มีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม ตลอดจนมีขีดความสามารถที่เพียงพอในการปกป้องอำนาจอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน” สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนระบุในแถลงการณ์
ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติจากสองฟากฝั่งช่องแคบไต้หวันทวีความตึงเครียดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หลังไช่อิงเหวินและพรรคหมินจิ้นตั่งของเธอชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลายเมื่อเดือนมกราคม โดยจีนได้ซ้อมรบใกล้เกาะไต้หวันหลายครั้ง รวมถึงส่งเครื่องบินขับไล่เข้าไปในน่านฟ้าของไต้หวัน และส่งเรือรบแล่นรอบเกาะ ซึ่งไต้หวันมองว่าเป็นการยั่วยุ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: