ไทชิ นาคากาวะ ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูสำหรับคอหนังทั่วไปเท่าไร แต่สำหรับแฟนหนังญี่ปุ่น (โดยเฉพาะสาวๆ) เชื่อว่านี่คือชื่อของหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้
ด้วยหน้าตาหล่อเหลาตามสไตล์เจแปนนีสบอยแท้ๆ คาแรกเตอร์ชัดเจน ทำให้ที่ผ่านมาเขามีผลงานทั้งละครและภาพยนตร์มาแล้วเกือบ 20 เรื่อง ทั้งที่มีอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น ที่สำคัญเขายังสามารถแสดงได้หลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนสุดแสบใน GTO เวอร์ชันปี 2012, หนุ่ม ม.ปลายอัจฉริยะใน Minami kun no Koibito: My Little Lover, คนคุกจอมหื่นในเรื่อง Prison School หรือบทบาทหนุ่มตกงานแสนสิ้นหวังใน ReLIFE ฯลฯ ไทชิก็สามารถขโมยหัวใจของสาวๆ ไปได้หมด
ล่าสุดพระเอกสุดฮอตได้บินตรงมางานเปิดตัว ‘เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2018’ ถึงประเทศไทย และ THE STANDARD มีโอกาสได้พูดคุยกับเขาอย่างใกล้ชิด ถึงแม้จะมีเวลาคุยกันไม่มาก แต่ยืนยันได้ว่าออร่าความสดใสจากตัวเขาจะทำให้สาวๆ ตกหลุมรักและรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนหนังประเภทไหนอยู่ก็ตาม
ตั้งแต่ตอนเด็ก คุณเคยมีความฝันที่จะทำอาชีพอื่นอะไรมาก่อนหรือเปล่า ก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงเต็มตัว
อาชีพแรกคือผมอยากเป็นแดนเซอร์ เพราะว่าเคยเรียนเต้นมาก่อน แล้วผมก็ชอบการเต้นมากๆ ส่วนอีกอาชีพหนึ่งคือเป็นนักฟุตบอล ที่ผมเริ่มเล่นมาตั้งแต่เด็ก เสียดายเหมือนกันที่ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีเวลาได้เล่นแล้ว แต่ผมยังชอบดูการแข่งขันฟุตบอลอยู่นะครับ โดยเฉพาะการแข่งขันของทีมชาติญี่ปุ่น ที่ถ้ามีแข่งเมื่อไรจะต้องชวนเพื่อนๆ มาเชียร์อยู่ตลอด
เป็นเด็กที่ซนขนาดไหน เพราะถ้าดูจากหลายๆ บทบาทที่ได้รับ ก็มีหลายตัวละครที่คุณต้องเล่นเป็นเด็กซนๆ เหมือนกัน
ซนอยู่แล้วครับ (หัวเราะ) วีรกรรมที่จำไม่ลืมเลยคือ สมัยอนุบาลจะมีการเล่นที่เด็กๆ ชอบทำคือการสร้างฐานทัพลับของตัวเอง เหมือนในเรื่อง 20th Century Boys ซึ่งครั้งนั้นผมสร้างเอาไว้ในป่าที่คงจะลึกลับเกินไป จนหาทางออกไม่ได้ ต้องฝ่าดงทุ่งดอกกุหลาบออกมา แล้วตอนนั้นผมใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น พอออกมาได้เลยมีแผลโดนหนามบาดเต็มไปหมดเลย
เริ่มรู้ตัวว่าคุณเริ่มชอบการแสดงหรือว่าอยากทำอาชีพนักแสดงจริงๆ ตั้งแต่เมื่อไร
ผมเริ่มเข้าวงการจากการถูกแมวมองทาบทาม ซึ่งกว่าจะได้เป็นนักแสดงจริงๆ ผมต้องเข้าไปที่สำนักงานเพื่อเข้าคอร์สการแสดงแบบจริงๆ จังๆ เพื่อให้เข้าใจบทบาทที่ได้รับและแสดงออกมาให้เป็นธรรมชาติที่สุด
ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกว่าอยากเป็นนักแสดงเท่าไร แค่คิดว่าสนุกดีเวลาที่ได้ไปเรียน ได้ไปเล่นกับเพื่อนๆ ที่มาเรียนด้วยกัน แต่พออายุประมาณ 13-14 ปี ผมเริ่มได้รับโอกาสเป็นนักแสดงนำครั้งแรกๆ แล้วได้รับบทบาทอะไรหลายอย่าง ตอนนั้นล่ะที่ผมเริ่มรู้สึกว่าการแสดงเป็นงานที่สนุก ยิ่งได้รับโอกาสมากขึ้น ได้เปลี่ยนบทบาทไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งสนุกมากขึ้น เลยเริ่มอยากเป็นนักแสดงจริงๆ และพยายามพัฒนาตัวเองอย่างจริงจังมากขึ้น
ตอนนี้คุณถือว่าเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากทีเดียว คิดว่าระหว่างพรสวรรค์ที่ติดตัวคุณมาก กับพรแสวงในการพยายามพัฒนาตัวเอง สิ่งไหนมีผลกับการได้มาอยู่ตรงนี้มากกว่ากัน
(คิดนาน) เป็นคำถามที่ยากนะครับ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าผมมีพรสวรรค์จริงๆ หรือเปล่า แต่ผมมีนิสัยส่วนตัวที่ชอบออกไปแสดงต่อหน้าผู้คน ชอบเต้นให้คนอื่นดู หรือตั้งแต่เด็กๆ ก็ชอบแสดงละครในโรงเรียนบ่อยๆ อยู่ที่บ้านก็จะถ่ายวิดีโอแล้วทำตัวเป็นนักข่าว แล้วพยายามฝึกฝนบ่อยขึ้นเพราะคิดว่ามันสนุก ซึ่งผมคิดว่ามันอาจจะเป็นคุณลักษณะที่เหมาะกับการเป็นนักแสดง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วผมมีพรสวรรค์หรือพรแสวงมากกว่ากัน แต่รู้สึกว่าผมโชคดีที่มีพรบางอย่างที่ทำให้ผมมีนิสัยแบบนี้แล้วกัน
ถ้าอย่างนั้นคิดว่านักแสดงที่มีพรสวรรค์ต้องเป็นแบบไหน
ต้องเป็นคนที่ไม่ว่าจะเด็กแค่ไหน แต่พอผู้กำกับสั่งให้ร้องไห้ก็ต้องร้องออกมาได้เลย ซึ่งผมยังทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น ถ้าจะให้ผมร้องไห้ ผมต้องเตรียมตัวทำการบ้าน ทำความเข้าใจตัวละครอย่างมากเลยถึงจะร้องไห้ในแต่ละฉากได้จริงๆ
ในชีวิตจริง คุณเป็นคนร้องไห้ง่ายไหม และมีเรื่องอะไรที่จะเรียกน้ำตาจากผู้ชายอย่างคุณได้บ้าง
น่าจะเรียกว่าเป็นคนเจ้าน้ำตาได้เหมือนกันนะครับ (หัวเราะ) แต่ส่วนใหญ่จะไม่ร้องไห้เพราะเสียใจ แต่จะร้องไห้เวลาประทับใจอะไรมากๆ มากกว่า อย่างเวลาดูหนังที่ซึ้งมากๆ ก็ร้องไห้แล้ว หรือในวันจบการศึกษาที่ต้องลาจากเพื่อนๆ แค่นั้นก็ร้องไห้ได้เหมือนกัน
ส่วนใหญ่คุณจะได้รับบทบาทที่นำมาจากการ์ตูนหรือแอนิเมชัน คุณมีวิธีการอย่างไรในการถอดคาแรกเตอร์ของตัวละครที่เป็นแค่ตัวการ์ตูน แล้วมาพัฒนาเป็นการแสดงของคนที่มีตัวตนอยู่จริงๆ
ผมจะไม่ไปตามเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น การแสดงสีหน้าให้เหมือนอย่างในการ์ตูนสักเท่าไร แต่ผมจะจับลักษณะนิสัยของตัวการ์ตูนนั้นๆ แล้วเอามาจินตนาการว่าถ้าผมเป็นแบบนั้นจริงๆ หรืออยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ผมจะรับมือหรือแสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างไรมากกว่า เพราะว่าเงื่อนไขของตัวการ์ตูนกับคนจริงๆ มันมีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ถ้าเราแสดงเป็นตัวการ์ตูนออกมาทั้งหมดคงจะไม่สมจริงเท่าไร
มีตัวละครหรือว่าการ์ตูนเรื่องไหน มีคุณอยากแสดงในเวอร์ชัน Live Action ด้วยตัวเองบ้าง
ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยได้รับบทบาทที่เป็นแนวแอ็กชันมากเท่าไร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากลองเล่นบทบาทที่เป็นแนวแอ็กชัน ไซ-ไฟ ดูบ้าง ที่นึกออกตอนนี้ก็คงเป็นเรื่อง Gantz ที่ผมชอบดูมากๆ ชอบไอเดียที่เรามองเห็นพื้นที่ที่เรายืนอยู่ว่าเป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จริงๆ แล้วมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างดุเดือดมากๆ อยู่ แล้วการมีอาวุธเจ๋งๆ มีชุดสูทที่ใส่แล้วทำให้ร่างกายแข็งแรงมาก ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ และคงจะสนุกถ้าได้ลองสวมชุดแบบนั้นแล้วออกไปต่อสู้แบบในเรื่อง
ในเรื่อง ReLIFE คุณต้องย้อนเวลาไปในอดีต แล้วถ้าเลือกได้ในชีวิตจริง มีช่วงเวลาไหนบ้างไหม ที่คุณอยากย้อนเวลากลับไปมากที่สุด
ที่ผ่านมาผมไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือมีเรื่องไหนที่อยากกลับไปแก้ไขอยู่แล้ว แต่เนื่องจากผมต้องทำงานคู่กับการเรียนมาตลอด ถ้าเป็นไปได้ก็อยากลองย้อนกลับไปช่วง ม.ต้น หรือ ม.ปลาย แต่คราวนี้ไม่ต้องทำงาน ใช้ชีวิตเป็นนักเรียนปกติทั่วไป ผมอยากรู้ว่าชีวิตของผมจะเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ไม่แน่ใจว่าผมอาจจะได้เป็นนักฟุตบอลแบบที่เคยฝันเอาไว้ตอนเด็กๆ ก็ได้นะ
แล้วถ้าข้ามเวลาไปในอนาคตได้ล่ะ มีช่วงเวลาไหนที่คุณอยากเห็นเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่า
นึกไม่ออกเลยครับ จริงๆ จะข้ามไปตอนไหนก็ได้ แต่แอบหวังเล็กๆ ว่า ในตอนนั้นผมจะยังได้รับโอกาสดีๆ มีบทบาทใหม่ๆ ให้เล่น และยังได้เป็นนักแสดงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็น่าจะเป็นอนาคตที่ดีพอแล้ว
สำหรับคนที่อยากรู้จักคุณ แต่ไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณแบบใกล้ชิด พอจะมีตัวละครหรือการ์ตูนเรื่องไหนบ้างไหม ที่ใกล้เคียงกับคุณจนสามารถทำความรู้จักคุณผ่านตัวละครนั้นได้เลย
ไคซากิ อาราตะ ในเรื่อง ReLIFE นี่เลยครับ น่าจะใกล้เคียงตัวจริงของผมมากที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากรู้จักผมจริงๆ ก็มาดูในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ได้เลย (หัวเราะ)
นอกจากเรื่อง ReLIFE ของคุณแล้ว มีเรื่องไหนในเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2018 อีกบ้างที่อยากแนะนำให้คนไปดูเป็นพิเศษ
Destiny: Kamakura Story ที่พูดถึงเรื่องราวพิศวงที่เกิดขึ้นในเมืองคามาคุระ ที่นอกจากเนื้อเรื่องจะสนุก ซีจีสวยแล้ว คุณซากาอิ มาซาโตะ ที่เป็นพระเอกในเรื่องนี้ก็เป็นคนที่ผมเคารพและนับถือมากๆ คนหนึ่งด้วย
- หนึ่งในความสามารถพิเศษที่ไทชิมั่นใจในฝีมือของตัวเองที่สุดคือ การปอกแอปเปิ้ล
- เห็นเป็นหนุ่มหล่อหน้าใสแบบนี้ แต่ซีรีส์ที่ไทชิชอบมากที่สุดคือซีรีส์ผีดิบสุดโหดอย่าง The Walking Dead
- เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 2018 จัดฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่นคุณภาพเยี่ยม 11 เรื่อง เช่น Destiny: Kamakura Story, Memoirs of a Murderer, Survival Family, The Long Excuse, ReLIFE ฯลฯ มาให้ดูกันแบบจุใจตั้งแต่วันที่ 2-11 กุมภาพันธ์ ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในราคาที่นั่งละ 120 บาทเท่านั้น