ถ้าไม่เล่นใหญ่คงไม่ใช่ Swensen’s เพราะครั้งนี้ถึงกับทุ่มทุนที่จะเปิดป๊อปอัพสำหรับขาย ‘ไอศกรีม 101 รสชาติ’ ที่เคลมว่าเป็นร้านที่มีขายมากที่สุดในไทย โดยมีทั้งรสใหม่และรสชาติในอดีตที่หากขายหมดแล้วก็หมดเลย และเปิดขายแห่งเดียวที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เท่านั้น
“เราอยู่มา 37 ปี นอกจากสาขาที่มากที่สุดแล้ว สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือเราพัฒนาไอศกรีมมาแล้ว 1,000 รสชาติด้วยกัน” อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด กล่าว
สำหรับ Swensen’s แม้จะครองเจ้าตลาดไอศกรีมชนิดทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น แต่ด้วยวันเวลาที่ผ่านไป พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แถมยังมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาท้าชิงเรื่อยๆ ทำให้ยักษ์ใหญ่รายนี้ไม่สามารถอยู่นิ่งได้
หนึ่งในนั้นคือการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างรับรู้ให้กับฐานลูกค้า ซึ่งล่าสุดเป็นการเปิดป๊อปอัพสำหรับขาย ‘ไอศกรีม 101 รสชาติ’ ที่แบ่งเป็น 44 รสชาติที่นำกลับมาขายใหม่ 33 รสชาติที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ และ 24 รสชาติที่วางขายอยู่แล้ว
โดยจะวางจำหน่ายที่ป๊อปอัพเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ซึ่งจะขายเป็น 2 สกู๊ปใหญ่ ราคา 99 บาท, 5 สกู๊ปเล็ก 129 บาท และ 10 สกู๊ปเล็ก 219 บาท จำหน่ายแบบ Takeaway เท่านั้น ไม่มีการสั่งแบบเดลิเวอรี ขายตั้งแต่วันนี้ – 18 กุมภาพันธ์ 2567
“ที่เราไม่เปิดให้สั่งแบบเดลิเวอรี เพราะเราต้องการให้ลูกค้ามาสัมผัสที่ร้านด้วยตนเอง อีกอย่างเราต้องการเทสต์ตลาดด้วยว่ากลุ่มลูกค้าชอบรสชาติไหนมากที่สุด”
ปกติแล้ว Swensen’s จะวางจำหน่ายรสชาติใหม่ทุกๆ 2 เดือน ครั้งละ 2-5 รสชาติ โดยหากรสชาติไหนที่ขายดีในป๊อปอัพ ก็มีโอกาสที่จะนำไปขยายในอีก 330 สาขาที่เหลือ
“ไอศกรีมต้องการความอร่อยและรสชาติที่หลากหลายจึงจะสามารถดึงลูกค้าได้ ไม่เหมือนกับกลุ่มเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกวัน” อนุพนธ์กล่าว “สำหรับครั้งนี้ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนารสชาติใหม่ และการหาส่วนผสมซึ่งบางอย่างไม่มีผลิตแล้ว”
ปัจจุบันยอดขาย 60% ของ Swensen’s มาจากไอศกรีมซันเดที่หมายถึงไอศกรีมที่มีท็อปปิ้งทั้งหมด ที่เหลือเป็นเค้ก สกู๊ป ควอท และอื่นๆ อีกสัดส่วนละ 10%
โดย 4 รสชาติที่ขายดีที่สุดคือ วานิลลา ช็อกโกแลต กาแฟ และสตรอว์เบอร์รี
