วันนี้ (30 มกราคม) กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิดสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยจะเริ่มให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศทั่วโลกลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยโดยระบบ Test & Go ได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในฐานะท่าอากาศยานหลักของประเทศ มีความพร้อม ในการรองรับผู้โดยสารที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ภายใต้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวด ปฏิบัติตามแนวทาง COVID Free Setting ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยได้บูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติงานร่วมกัน อาทิ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (COVID-19) ทสภ. (EOC) ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สายการบิน ตลอดจนผู้ประกอบการโรงแรม
กิตติพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังคงให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ตลอดจนเน้นย้ำในการดูแลรักษาความสะอาดในทุกพื้นที่ภายในท่าอากาศยานรวมถึงบริเวณพื้นที่จุดสัมผัสตลอด 24 ชั่วโมง และในส่วนของการให้บริการขนส่งผู้โดยสารไปยังโรงแรมที่จองล่วงหน้านั้น ในกรณีที่รถโรงแรมสำหรับผู้โดยสารระบบ Thailand Pass ไม่เพียงพอ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดเตรียมรถแท็กซี่ที่ผ่านมาตรฐาน SHA Plus และ AOT Limousine พร้อมให้บริการผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศที่จองโรงแรมไว้ล่วงหน้าตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งผู้โดยสารที่เข้มงวด
สำหรับความพร้อมด้านบุคลากร ผู้ปฏิบัติงานจากทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ซึ่งคาดว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถฉีดได้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จำนวน 25,000 คน นอกจากนั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังมีการสุ่มตรวจคัดกรองผู้ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงด้วยวิธี ATK เป็นประจำทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ
อนึ่ง ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 – 29 มกราคม 2565 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 381,871 คน แบ่งเป็นผู้เดินทางผ่านระบบ Test & Go จำนวน 317,754 คน ระบบ Sandbox จำนวน 22,918 คน ระบบ Quarantine 7 วัน จำนวน 30,418 คน Quarantine 10 วัน จำนวน 9,950 คน และ Quarantine 14 วัน จำนวน 831 คน
ทั้งนี้ กิตติพงศ์กล่าวในตอนท้ายว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมในการให้บริการภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่เข้มงวด พร้อมร่วมเป็นกลไกสำคัญกับรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ
อ้างอิง: