วันนี้ (30 กันยายน) ในการประชุมรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 เป็นพิเศษ วาระคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในช่วงหนึ่ง สุทิน คลังแสง สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึง MOA ที่ผูกมัดรัฐบาล
สุทินกล่าวปิดอภิปรายว่า หลังจากที่ดูนโยบายมา 2 วัน ก็เอาใจช่วยให้นโยบายตอบสนองประชาชน แต่ท่านเกร็งเพราะถูกกดดันด้วย MOA ซึ่งเพื่อนสมาชิกหลายคนพูดว่าหลายอย่างทำไม่ได้ กฎหมายหลายฉบับใช้เวลาหลายปี และตนมีความกังวลว่า 4 เดือนจะเป็น 4 เดือนที่สูญเปล่า
เนื่องจาก รัฐบาลที่เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจมีข้อจำกัดมาก การที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ซึ่งไม่ได้บอกให้เสียกำลังใจหรือท้อแท้ แต่ให้ก้าวข้ามข้อจำกัดให้ได้ เพื่อผลักดันนโยบาย ลบคำสบประมาท
โดยข้อจำกัดแรก คือ MOA จำกัดเวลาเพียง 4 เดือน ใจร้ายมาก ตนไม่รู้ว่าเอาอะไรมาวัดว่าต้องใช้เวลา 4 เดือน เพราะรัฐธรรมนูญก็จะไม่เสร็จ นโยบายอะไรก็จะทำไม่ได้ 4 เดือน เหมือนทุกขลาภ และมีข้อจำกัดว่าไม่ให้ทำอะไรนอกจากแก้รัฐธรรมนูญและยุบสภา สมาชิกที่เป็นบุญคุณกับท่านก็มีความสับสน บางคนเรียกร้องให้ทำหลายอย่าง บางคนก็เรียกร้องให้ทำแค่ 2 อย่างนี้
สุทินยังอภิปรายข้อจำกัดต่อมาว่า ทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะเลือกแล้วไม่เป็นรัฐบาลกับท่าน
ข้อจำกัดถัดมา คือ นโยบายที่เขียนมาจำนวนมาก ท่านไม่ได้จัดงบประมาณเอง เพราะรัฐบาลก่อนทำ แต่ยังดีที่มีเงินให้ท่านไปกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 1 แสนล้านบาท และงบประมาณฉบับนี้ถือเป็นงบประมาณที่ท่านโหวตคว่ำ เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ซึ่งท่านจะกล้าใช้หรือไม่ก็ต้องกล้าหาญหน่อย
สุทินยังกล่าวถึงข้อจำกัดถัดมาว่า ความเชื่อมั่นและความเชื่อถือของต่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความตั้งใจหลายอย่างจะไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปหาตลาด แต่ท่านลืมไปว่า ถ้ารัฐบาลไม่ได้รับความเชื่อถือ และความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและจากต่างประเทศท่านจะฝืด
ในวันแรกที่มีการเซ็น MOA ให้ยุบสภาภายใน 4 เดือน สถาบันจัดอันดับความเชื่อถือลดอันดับของไทยลงมาอยู่ในแดนลบ ทำให้จะต้องฝ่าฟันอย่างหนัก ขณะเดียวกันสื่อต่างชาติก็ทำให้ภาพพจน์ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสียหายยับ เพราะมีการพาดหัวข่าวว่า ราชากัญชามาเป็นนายกฯ หรือได้ ขุนศึกกัญชามาเป็นนายกฯ นี่คือภาพพจน์ความเชื่อถือ ความเชื่อมั่นของประเทศ
ขณะเดียวกัน ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่าจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเรียกนักท่องเที่ยวกลับมาโดยด่วน แต่ถ้าภาพพจน์ของประเทศเป็นแบบนี้ ก็จะมาแต่ขี้ยา นักท่องเที่ยวสีเทา แต่นักท่องเที่ยวแบบครอบครัวไม่มา ซึ่งต่างชาติได้สอบถามมาว่าทำไมบ้านเรา ถึงนำนักเรียนกัญชามาเป็นนายก ซึ่งอนุทินจะลำบากในการไปแก้ภาพพจน์
ส่วนที่รัฐมนตรีพาณิชย์มีความตั้งใจที่จะเดินสายออกไปหาตลาดใหม่ สุทินมองว่า ระยะเวลา 4 เดือน ทำให้ยากที่ใครจะมาทำสัญญา และคงบอกให้รอรัฐบาลหน้า ซึ่งนี่คือวิบากกรรม
ขณะเดียวกัน สุทินยังกล่าวถึงปัญหาภายในประเทศว่า นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ประชาชนหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ และกลัวว่าท่านจะเข้ามาทำความดีของท่าน กลัวว่าจะเข้ามาสร้างเครือข่ายกินรวบทั่วประเทศ เพราะท่านมีเครือข่าย สว. มีพรรคการเมืองเป็นรัฐบาล ทำให้เกิดการวาดภาพและมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้วิตก ซึ่งต่อไปทุกคนจะจับจ้อง เรื่องฮั้ว สว. และคดีเขากระโดง เมื่อใดก็ตามที่ใครแตะ 2 เรื่องนี้ สังคมจะบีบให้ตนเองต้องอภิปราย นอกจากนี้ เงื่อนไข 4 เดือน ยุบสภา ทำให้ข้าราชการเกียร์ว่าง บางนโยบายอาจต้องรอไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นคนดูแล
“หากท่านไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ นรกเลยนะครับ การเป็นรัฐบาลในช่วงระยะเวลาอันสั้น เป็นรัฐบาลพิเศษในช่วงเวลาวิกฤต ปัญหาที่รออยู่ข้างหน้าจะต้องเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม สภาจะต้องผ่านกฎหมายในสามวาระได้ ครม.สั่งการได้ แต่วันนี้ถ้าท่านอยากเปลี่ยนแปลงงบฯ แต่ท่านเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ผู้มีพระคุณจะเอากับท่านหรือไม่”
สุทินระบุอีกว่า “วันดีก็ค้ำท่าน วันไม่ดีก็จิกท่าน ท่านก็จะซีเรียส ไม่มีความกล้าหาญที่จะขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้เห็นใจ เพราะข้าราชการก็จะเกียร์ว่าง สภาก็จะจ้องจับผิด สิ่งที่จะเป็นต่อจากนี้คือท่านจะไม่มีความสามารถในช่วงระยะเวลาสั้น แต่หากให้เวลาท่าน เชื่อว่าจะทำได้ ผมไม่ติดใจในฝีมือของท่าน แต่ 4 เดือนก็ยังยาก และ 4 เดือน ก็มีข้อจำกัดเป็นเป็ดง่อย”
สุทินยังกล่าวว่า คนระแวงว่า 4 เดือน จะพัฒนาและแก้ปัญหาไม่ได้ ก็อาจจะหันมาทำอย่างอื่น เพราะการสร้างเมืองสามารถทำลายได้ภายในวินาทีเดียว ขณะเดียวกันพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กังวลว่า 4 เดือน ท่านจะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ท่านจะหันมาทำทางลัด 4 เดือนเพื่อ 4 ปีข้างหน้า จะเกิดการแก้ปัญหาตัวเอง ยุ่งเกี่ยวกับ คดีฮั้ว สว. คดีเขากระโดง และคดี SKYY9 ซึ่งท่านจะต้องรีบเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ เนื่องจากทุกคนเกี่ยวโยงทั้งหมด แต่จะเอามีดตัดมือตัวเองก็คงไม่ทำ
“องค์ประกอบก็ครบ พอตั้งรัฐบาลปั๊บ ท่านก็ตั้งรัฐมนตรียุติธรรมมาจากไหนคนก็คิดไปหนัก และเมื่อครู่ก็บอกให้ รฟท. ฟ้องรายย่อย คนก็เริ่มคิด มีองค์ประกอบ เขาก็ไปกันใหญ่” สุทินกล่าว
สุทินยังอภิปรายด้วยว่า จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงงบฯ โยกงบฯ แน่นอน เพราะท่านไม่ได้เป็นคนทำงบประมาณ และมีนโยบายเยอะ การโยกไปในสิ่งที่คนเห็นด้วย สภาเห็นงาม ประชาชนได้ประโยชน์ก็พอจะไปกันได้ แต่ถ้าโยกไปในทางที่ไม่ดี จะเกิดปัญหาในสภาและกับท่าน จึงต้องระวัง รวมถึงการโยกย้ายผู้บริหาร ข้าราชการ เพื่อการเลือกตั้ง เพื่อเป็นพรรคพวก และจะทำให้ท้ายที่สุด เกิดสิ่งที่เราหวาดกลัว ก็จะเบี้ยว MOA โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราใฝ่ฝัน และน้องๆ เพื่อนๆ เอารัฐธรรมนูญมาผูกกับการตั้งนายกฯ แต่ตนมองว่ามัดไม่อยู่ และแก้ไม่ได้แน่ สุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย ทั้งประเทศและรัฐธรรมนูญ
สุทินกล่าวอีกว่า จากการตอบคำถามของ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ทำให้ชัดเจนว่า 4 เดือน การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงไม่ได้ทำ แต่จะไป kick off นับหนึ่งในวันเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการทำประชามติถือเป็นการเลือกตั้งรัฐธรรมนูญ หากทำประชามติผ่านก็จะมีขั้นตอนต่อไป มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่งยังห่างไกลความเป็นจริงมาก หากไม่ผ่านก็ล่มสลาย
สุทินยังย้ำด้วยว่า MOA เป็นข้อจำกัดที่ทำให้รัฐบาลทำงานยาก และสิ่งที่แลกมาคือรัฐธรรมนูญก็จะเหลวอีก ยืนยันว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ทำให้รัฐบาลเสียกำลังใจ แต่รัฐบาลต้องออกแรงแก้ข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ภายใน 4 เดือนนี้