วันนี้ (30 เมษายน) ที่กระทรวงกลาโหม สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดใจภายหลังปรับคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1 โดยตัวเองยังดำรงตำแหน่งเหมือนเดิมว่า เป็นความรู้สึกที่ดี เราได้ทำงานไว้แล้วก็อยากทำต่อให้จบ อย่างน้อยที่ผ่านมายังไม่เห็นผลงานออกมา บางอย่างเหมือนว่าพืชที่ยังไม่งอก แต่กำลังจะงอก เมื่อเราได้อยู่ก็จะทำหน้าที่จนกว่าพืชนั้นจะงอกได้ จะอยู่รดน้ำพรวนดินต่อ
เมื่อถามว่าวันนี้รัฐมนตรีหลายคนได้เดินทางพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล สุทินกล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าวันนี้ เนื่องจากได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีแล้วเมื่อวานนี้ (29 เมษายน) เพื่อรับมอบหมายแนวทางในการทำงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำและขีดเส้นใต้ในหลายนโยบาย ซึ่งก็เป็นนโยบายที่เราทำมาแล้ว
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีถึงกระแสข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ สุทินกล่าวว่า “ท่านก็เปรยอยู่ว่าจริงๆ คนเข้าใจผิด ท่านไม่เคยคิดว่าจะมา แต่ก็เป็นการคาดหมายกันไป บางคนก็ซ้ำเติม ปล่อยข่าวกันไป ท่านก็บอกแบบนี้”
เมื่อถามว่าใจหายหรือไม่ที่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สอดร่วมกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สุทินตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน แต่ก็คิดถึงอยู่
เมื่อถามถึงแนวทางการทำงานว่าจะต้องมีการปรับหรือไม่ เนื่องจากการตั้งคณะกรรมการในหลายชุดที่ต้องมีชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่กลับไม่มี รวมทั้งการที่นายกรัฐมนตรีประสานโดยตรงกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ สุทินกล่าวว่า หลายอย่างก็คงต้องปรับในส่วนของตน แต่ในส่วนของคนอื่นไม่รู้
เมื่อถามว่าติดใจหรือไม่กับการถูกข้ามหัว สุทินกล่าวว่า ตนทำงานได้ทุกสถานการณ์ ทำงานได้ทุกแบบ และพยายามมองทุกอย่างในแง่บวก ว่าต้องการความเร็ว ต้องการประสิทธิภาพ ตนก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว ก็ปรับการทำงานของตนไปได้ ไม่มีปัญหา ทำงานได้กับทุกคนอยู่แล้ว และทุกๆ สไตล์
เรือดำน้ำยังคุยไม่ตกผลึก
สุทินยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเรือดำน้ำว่า วันนี้ได้เชิญเอกอัครราชทูตจีนมาเพื่อสานต่อความคืบหน้าในเรื่องที่พูดคุยกันไว้ ซึ่งได้พูดคุยในหลายเรื่อง และมีความคืบหน้ามาเป็นลำดับ และในที่สุดแล้วรายละเอียดที่จะเป็นข้อสรุปสุดท้าย ทางจีนจะส่งเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่เดินทางมาไทยภายในเดือนพฤษภาคม
จากนั้นจะแจ้งให้ทราบว่าจะมีข้อสรุปอย่างไร และในระหว่างนี้ตนจะเสนอนายกรัฐมนตรี ว่าจะส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปพบเอกอัครราชทูตจีน ซึ่งอาจมีเรื่องเกี่ยวพันกันอยู่ ถือว่าทุกเรื่องก็ใกล้เข้ามา ความพยายามทั้งสองประเทศดำเนินการมาอยู่ตลอด เพื่อให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว แต่บางเรื่องไม่เร็วอย่างที่ตั้งใจ หลายคนอยากให้จบ แต่อยู่ที่ข้อมูลการพูดคุย ต้องใช้เวลา
ส่วนที่ พล.ร. อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้ทวงสัญญาว่า อยากให้เรือดำน้ำจบโดยเร็วนั้น สุทินกล่าวว่า “ท่านก็อยากได้ เป็นธรรมดาของคนอยากได้ บุคลิกของท่าน พูดคุยแบบง่ายๆ ก็ไม่มีอะไร ก็ทำงานอยู่ ท่านก็ทำงาน เราก็ทำงาน เรื่องนี้จะจบ ไม่ใช่รัฐบาลทำงานอย่างเดียว กองทัพต้องทำงานคู่ขนานกัน”
ส่วนกรณีกองทัพเรือจะเสนอซื้อเรือฟริเกต 2 ลำในงบประมาณปี 2569 นั้น สุทินกล่าวว่าเป็นคนละส่วน แผนเดิมของกองทัพเรือ หากจะซื้อเรือฟริเกตก็เสนอได้ ส่วนเรื่องเรือดำน้ำเป็นเรื่องเก่าที่ต้องแก้ให้จบ จะพยายามทำให้งบประมาณไม่พอก พร้อมกล่าวว่าตนเองยังไม่ได้รายงาน แต่นายกรัฐมนตรีก็อยากให้จบเร็วๆ
ยอมรับ แก้กฎหมายกลาโหม ไม่อาจสกัดรัฐประหาร 100%
สุทินยังกล่าวถึงการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .… และร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .… ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจป้องกันการทำรัฐประหารไม่ได้ว่า ไม่มีอะไร 100% เพียงแต่เป็นการสกัดยับยั้ง ลดโอกาสที่จะเกิดลง
ส่วนที่บอกว่าให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการสั่งพักราชการไว้ก่อน จะใช้เงื่อนไขอะไร สุทินกล่าวว่า ในความเป็นจริงนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการได้ เพราะฉะนั้นความเคลื่อนไหวในลักษณะที่ไม่เป็นคุณก็สามารถพบได้ว่าใครจะทำอะไร อย่างไร หรือเชื่อได้ว่าจะทำแบบนั้น ซึ่งความเคลื่อนไหวมันก็เป็นหลักฐานอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ร่างกฎหมายของกระทรวงกลาโหมจะเป็นร่างที่ซอฟต์ที่สุดหากเทียบกับร่างของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย สุทินกล่าวว่า ณ วันนี้ก็ดูจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งเขาเสนอกันมาแล้วอย่างน้อยที่สุด 2 ร่างเข้าสู่รัฐสภาแล้ว ก็รอร่างของกระทรวงกลาโหมเข้าประกบ ซึ่งทราบว่าน่าจะมีร่างของประชาชนด้วยอีก 2-3 ร่าง แต่ละร่างเขียนค่อนข้างหนัก จะว่าไปแล้วของกลาโหมก็อาจดูซอฟต์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยพุ่งเป้าไปที่บอร์ดการปรับย้ายนายทหาร แต่รัฐมนตรีไม่ได้แตะส่วนนี้ โดยไปโฟกัสที่การสกัดรัฐประหาร สุทินกล่าวว่า เอาไว้ไปคุยกันในสภา ตรงนี้อยากฟังความเห็นในสภา ก็ไปดูในสภา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นเรื่องนี้หรือไม่ สุทินกล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ให้ความเห็น โดยรอให้ถึงขั้นตอนต่อไปก่อน โดยต้องผ่าน ครม. พร้อมระบุว่าขณะนี้น่าจะมีประมาณ 4 ร่าง (ฉบับเพื่อไทย ฉบับก้าวไกล ฉบับกระทรวงกลาโหม ฉบับภาคประชาชน) แต่ไม่แน่ใจว่าจะนำร่างไปมัดรวมกันหรือไม่ ซึ่งอาจแยกพิจารณาก็ได้ หรืออาจมัดรวมแล้วเอาใครเป็นร่างหลักก็ได้
