วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. เปิดเผยภายหลังได้รับการประกันตัวที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยกล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนทุกคนที่ถูกกักขังอยู่ที่เรือนจำขอบคุณมวลมหาประชาชนที่ได้เอาใจช่วย สวดมนต์ไหว้พระอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธ์ิเพื่อพวกตน ตนยังยึดมั่นอุดมการณ์ที่จะทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน และสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไป ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม
“เราเคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เราเดินหน้าพิสูจน์ความจริงตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยตำหนิ ไม่ติเตียน เพราะเรามุ่งประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน” สุเทพกล่าว
โดยหลังจากการได้รับการประกันตัว สุเทพระบุว่า หลังจากนี้ตนจะไปรวบรวมพยานหลักฐานและรีบยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีกับในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
สุเทพยังได้กล่าวถึงสิ่งที่ตนเองเสียใจคือ กรณี ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ซึ่งสุเทพถือเป็นกำลังสำคัญของประชาชนในการทำงานในรัฐบาลชุดนี้ แต่ทั้ง 2 คนได้ไปเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล ไม่ใช่ด้วยการส่งเสริม สนับสนุน ผลักดันของ กปปส. เพราะไม่ได้หวังให้คนของ กปปส. มีตำแหน่งอะไร แต่เพราะทั้ง 2 คน มีความรู้ ความสามารถ จึงได้ทำหน้าที่นั้น
“เห็นใจเขานะครับ ตอนเช้าเดินมาขึ้นศาลยังเป็น ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการฯ อยู่ แต่ตอนบ่ายกลายเป็นผู้ต้องขังชายแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลัน รุนแรง ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่คาดคิด เพราะไม่คิดว่าคดีความจะโดนตัดสินมากมายขนาดนี้” สุเทพกล่าวพร้อมน้ำตา
นอกจากนี้สุเทพยังได้แสดงความเสียใจไปยังประชาชนชาวชุมพรและอุบลราชธานีที่เลือก ชุมพล จุลใส และ อิสระ สมชัย ซึ่งผลจากการถูกคำพิพากษาทำให้ทั้ง 2 คนต้องพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนเองก็เห็นใจ
สุเทพยังกล่าวด้วยว่า จะยังยืนหยัด จะไม่มีการทอดทิ้งกัน จะยังคงกอดคอเพื่อต่อสู้กันต่อไป และทำใจได้แม้ว่าจะมีบางคนต้องติดคุก
ด้านณัฏฐพลกล่าวว่า ตนไม่ได้รู้สึกอะไร พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และไม่เคยหนีแม้แต่นัดเดียว นี่คือสิ่งที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศเดินต่อไปได้ และสิ่งนี้จะทำให้เราประเทศเราแก้ปัญหาหลายๆ อย่างได้
“เป็นธรรมดาที่เสียดายโอกาส เพราะเรากำลังขับเคลื่อนเรื่องการศึกษา แต่คิดว่าคนต่อไปคงได้ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อคุณครูและนักเรียนต่อไป” ณัฏฐพลกล่าว
ณัฏฐพลยังกล่าวด้วยว่า ตนทราบอยู่แล้วว่าการต่อสู้ก็ต้องมาถึงจุดนี้ แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ ก็เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครที่คิดจะทำอะไรก็แล้วแต่ก็ต้องเตรียมพร้อม ส่วนกรณีการยุติบทบาทในพรรคพลังประชารัฐนั้น ช่วง 2 คืนที่ผ่านมาก็ได้คิดหนัก ตอนนี้ยังตัดสินใจลำบาก ขอเวลาคิดอีกสักพัก