สำนักข่าว AP เปิดเผยการสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันเกี่ยวกับการหาซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปี ซึ่งจัดทำร่วมกับ NORC Center for Public Affairs Research โดยพบว่า ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่มากกว่าครึ่ง ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลวันหยุดส่งท้ายปีในแบบที่ต้องการมอบให้ในปีนี้
เหตุผลหลักๆ เป็นเพราะราคาสินค้าที่ปรับตัวแพงขึ้น โดย 69% ยอมรับว่า เห็นราคาของขวัญที่สูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ตัดใจซื้อไม่ลง ซึ่งปีที่แล้วตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 58%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซีอีโอ JPMorgan เตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือน
- หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกถึง 800 จุด จากที่ร่วงหนักกว่า 500 จุด หลังการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่ 8.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งทันที!
ขณะเดียวกัน 57% ยอมรับว่า ราคาสินค้าแพงขึ้นจนเกินเอื้อมอย่างมาก และผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่พบว่า การซื้อของขวัญให้กันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากขึ้น ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะเลิกซื้อของขวัญให้กัน
ทั้งนี้ ในปีที่แล้วชาวอเมริกันส่วนใหญ่ตัดสินใจใช้เงินช่วยเหลือที่ได้รับจากรัฐออกมาจับจ่ายใช้สอยซื้อของขวัญให้กับตนเอง และญาติสนิทมิตรสหาย แต่ปีนี้ด้วยมาตรการช่วยเหลือที่สิ้นสุดลงไปแล้ว บวกกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และราคาสินค้ากับพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องประหยัดรายจ่ายและซื้อแต่สิ่งของที่จำเป็นเท่านั้น
ในกรณีของครัวเรือนที่มีเด็กๆ อยู่ในบ้าน ส่วนใหญ่มองว่ายังต้องการซื้อของขวัญให้ แต่จำกัดงบประมาณการซื้อ โดยให้เป็นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ราคาไม่แพง หรือพาไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ล่าสุดจะชะลอตัวลง โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนพฤศจิกายน แต่ราคายังคงสูงกว่าปีก่อนหน้า 7.1% ส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย
ข้อมูลจาก AP-NORC Poll พบว่า ราว 2 ใน 3 ของครัวเรือนชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 1.7 ล้านบาท) ซึ่งชาวอเมริกันกลุ่มนี้กล่าวว่า พวกเขาประสบปัญหาในการซื้อของขวัญและอาหารสำหรับมื้อวันหยุดในปีนี้ เนื่องจากหาซื้อได้ยากขึ้น ขณะที่ราว 6 ใน 10 ของครัวเรือนที่มีรายได้ระหว่าง 50,000-99,999 ดอลลาร์พบว่า มันยากที่จะซื้อของขวัญและอาหาร เช่นเดียวกับครึ่งหนึ่งของครัวเรือนที่มีรายได้สูง
ยิ่งไปกว่านั้น ผลสำรวจชี้ว่าชาวอเมริกันเกือบทุกคน คือราว 95% เคยเห็นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงกว่าปกติในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 85% ในปีที่แล้ว โดยรัฐบาลสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ราคาอาหารจะเพิ่มขึ้น 9.5% เป็น 10.5% ในปีนี้ ซึ่งต่างจากอดีตที่ราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 2% ต่อปีเท่านั้น
รายงานระบุว่า ด้วยราคาสินค้าและพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ซื้อส่วนใหญ่มีความอ่อนไหวต่อราคา โดยจะมุ่งมองหาสินค้าราคาพิเศษเป็นหลัก ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากบรรดาบริษัทค้าปลีก ที่พบว่ามีการจัดโปรโมชันลดสินค้าราคาพิเศษเพิ่มขึ้น 30% จากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 27% ในปีที่แล้ว
แนวโน้มข้างต้น ทำให้ยอดขายวันหยุดโดยรวมของสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตช้ากว่าปีที่แล้ว โดยทางสมาพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดคาดว่า ยอดขายช่วงวันหยุดจะเพิ่มขึ้น 6-8% ในปีนี้ ลดลงจาก 13.5% ในปี 2021
การสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ธันวาคมที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 1,124 คน โดยใช้กลุ่มตัวอย่างที่ดึงมาจาก AmeriSpeak Panel ที่อิงตามความน่าจะเป็นของ NORC ซึ่งออกแบบมาเพื่อเป็นตัวแทนของประชากรสหรัฐฯ ส่วนต่างของข้อผิดพลาดในการสุ่มตัวอย่างสำหรับผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดคือบวกลบ 3.8%
อ้างอิง: