พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ไม่รอชุดพิทักษ์คุณธรรมตำรวจ เดินหน้าฟ้องหมิ่นประมาท

วันนี้ (1 กรกฎาคม) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางเข้าไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีการฟ้องความผิดรวม 3 กรรม

โดย พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ได้ส่งทนายความขอเลื่อนนัดเป็นครั้งที่สอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ในส่วนของการฟ้องหมิ่นประมาทครั้งนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ บอกว่า สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ แต่ต้องผ่านการพูดคุยเจรจากันก่อน โดยมองว่าไม่มีสงครามไหนที่จะรบกันจนฆ่ากันตาย

ส่วนกรณีที่สัปดาห์ที่แล้วได้ฟ้องหมิ่นประมาท พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นการใช้สิทธิส่วนตัว แต่ยังเคารพนับถือเหมือนเดิมในฐานะรุ่นพี่ ซึ่งยืนยันว่าหลังจากนี้ยังพูดคุยเจรจากันได้

เมื่อถามว่า ทำไมถึงไม่รอให้การพิจารณาคำสั่งออกจากราชการของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) แล้วเสร็จก่อนถึงจะฟ้องดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้อง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ถ้าตัวเองไม่ออกมาพูด สังคมก็จะสับสน อีกทั้งยังมองว่าการออกมาพูดครั้งนี้ก็ทำให้กูรูออกมาแสดงความคิดเห็นกันน้อยลง

ส่วนการกลับเข้าไปรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่าง ก.พ.ค.ตร. ดำเนินการตรวจสอบคำอุทธรณ์ โดยขณะนี้ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ได้ไปยื่นความเห็นแย้งกลับคืนมาแล้ว ซึ่งตัวเองอยู่ระหว่างการตรวจสอบก่อนส่งคำแย้งกลับไป

เมื่อถามว่า จะส่งคำแย้งภายในวันที่ 2 กรกฎาคม ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้หรือไม่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ระบุว่า ไม่น่าทัน เพราะมีรายละเอียดเยอะที่ต้องไปศึกษาก่อน ส่วนตัวไม่รู้ว่าผลของ ก.พ.ค.ตร. จะเป็นคุณกับตัวเองหรือไม่ แต่ยังมีความเชื่อมั่นในคณะกรรมการชุดนี้ เพราะแต่ละท่านเป็นข้าราชการเกษียณที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร ทำงานเพื่อรักษาระบบคุณธรรม ส่วนระยะเวลาในการพิจารณานั้น ตอนนี้ยังเชื่อว่าน่าจะทำงานตามกรอบเดิม

ส่วนที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าจะฟ้องนายกรัฐมนตรีและชุดคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และกูรูตำรวจ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กำลังดูรายละเอียด ส่วนไหนที่เข้าข่ายความผิดก็ต้องดำเนินการ อย่าง ก.ตร. ที่มีส่วนในการลงมติเรื่องคำสั่งให้ตัวเองออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อมาดูรายละเอียดใหม่ก็เห็นว่าไม่ได้ลงมติชี้ผิด-ถูก 12 ต่อ 0 อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ส่วนนี้ก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ