วันนี้ (4 กรกฎาคม) นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (Super Poll) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง มาตรการปิดพื้นที่ควบคุมโรคที่ประชาชนต้องการ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพในกรุงเทพมหานคร โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริม าณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,068 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2564
พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.1 ระบุปิดเฉพาะพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด กำหนดมาตรการควบคุมและกิจกรรมเฉพาะพื้นที่นั้น รองลงมาคือร้อยละ 32.6 ระบุปิดทั้งจังหวัดและหยุดทุกกิจกรรมเพื่อควบคุมโรค โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ในขณะที่ร้อยละ 3.2 ระบุต้องการให้ใช้มาตรการเดิมที่ผ่านมา ก่อนปิดแคมป์คนงาน และร้อยละ 1.1 ระบุอื่นๆ เช่น ไม่มีความเห็น ไม่ทราบ เป็นต้น
เมื่อถามถึงมาตรการในการปิด-เปิดประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.5 ระบุปิดเฉพาะพื้นที่ที่แพร่ระบาด ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ รองลงมาคือ ร้อยละ 91.3 ระบุปิดเฉพาะพื้นที่ที่แพร่ระบาด ทำให้ประชาชนในพื้นที่อื่นๆ ทำมาหากินต่อไปได้ ร้อยละ 89.2 ระบุปิดเฉพาะพื้นที่ที่แพร่ระบาด ลดความเสี่ยงการกระจายเชื้อในพื้นที่อื่น ร้อยละ 88.0 ระบุปิดเฉพาะพื้นที่ ช่วยลดความเหน็ดเหนื่อยของบุคลากรทางการแพทย์ ร้อยละ 82.6 ระบุเปิดพื้นที่นำร่องที่มีความพร้อม เช่น ภูเก็ต และพื้นที่อื่นที่พร้อม คู่ควบคุมโรคเข้ม กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในและนอกพื้นที่ และร้อยละ 78.2 ระบุเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ คู่ควบคุมโรคเข้ม กระตุ้นรายได้เงินในกระเป๋าของประชาชน
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.8 เห็นด้วยต่อมาตรการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนผู้รับจ้างรูปแบบการค้า หมวดอาหารและอื่นๆ ผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Grab, LINEMAN, foodpanda, Kerry เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 9.2 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.3 เห็นด้วยต่อมาตรการลดปัญหาเตียงผู้ป่วยไม่พอ ให้ผู้ป่วยระยะแรกรักษาตัวที่บ้านพร้อมสนับสนุนเงินรายวันต่อหัว ยา อาหารและอื่นๆ ให้ ในขณะที่ร้อยละ 36.7 ไม่เห็นด้วย
ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่ร้อยละ 98.5 ต้องการให้ ส.ส. ส.ว. และนักการเมืองทุกระดับ เสนอการเสียสละเงินเดือนและค่าตอบแทนช่วยประชาชนเดือดร้อนจากโควิดจนกว่าโควิดจะหมดไป อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.3 กังวลนักการเมืองฉวยโอกาสหาผลประโยชน์ทางการเมืองบนความทุกข์ของประชาชน และร้อยละ 96.6 กังวลนักการเมืองปลุกปั่นอารมณ์ของประชาชนให้เกลียดชังกัน บิดเบือนทำลายกัน ไม่ช่วยเหลือกันแก้ปัญหาบ้านเมืองยามวิกฤต
ผู้อำนวยการซูเปอร์โพลกล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการควบคุมโรค ด้วยการปิดเฉพาะพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง โดยกำหนดคุมเข้มมาตรการและกิจกรรมเฉพาะกลุ่มและพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่อื่นๆ สามารถใช้ชีวิตทำมาหากินต่อไป และเศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และเห็นด้วยกับการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องควบคู่ไปกับมาตรการการควบคุมโรคเข้มข้นต่อเนื่องจริงจังระหว่างการรอวัคซีน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจลูกโซ่การท่องเที่ยว ซึ่งจะสามารถกระจายรายได้ลงถึงประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ และช่วยจัดเก็บภาษีจากรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนระดับฐานรากที่รับจ้างในรูปแบบการค้าภายใต้วิถีใหม่ (New Normal) ที่รัฐเข้าไปช่วยเสริมและสนับสนุน ธุรกิจหมวดอาหาร การขนส่งและอื่นๆ ผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Grab, LINEMAN, foodpanda, Kerry เป็นต้น รองรับสถานการณ์โควิดที่ต้องอยู่กับเราไปอีกนาน
“ที่น่าสนใจคือประชาชนเกือบร้อยละร้อย ต้องการให้ ส.ส. ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ส.ว. และนักการเมืองทุกระดับเสนอเสียสละเงินเดือนและค่าตอบแทนช่วยเหลือลดความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนจนกว่าวิกฤตโควิดจะหมดไป ทั้งยังกังวลกับความไม่จริงใจของนักการเมืองหิวแสงที่พยายามใช้ทุกสถานการณ์แสวงประโยชน์ ปลุกปั่นอารมณ์ของประชาชนด้วยข้อมูลบิดเบือน ไม่ครบถ้วน สร้างความเกลียดชังและทำลายกันในหมู่คนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีกในทุกยามสถานการณ์ แม้ยามบ้านเมืองวิกฤต ประชาชนเดือดร้อนทุกข์ยาก” ผู้อำนวยการซูเปอร์โพลกล่าว
อ้างอิง: