×

‘ศุภาลัย’ รับมือตลาดในไทยที่อิ่มตัว ทุ่มลงทุนเพิ่ม 1.26 หมื่นล้านบาท ปั้นพอร์ตอสังหาในออสเตรเลีย มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท หวังกระจายความเสี่ยงธุรกิจ

05.09.2024
  • LOADING...

ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยกำลังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันมีซัพพลายน้อยกว่าดีมานด์ ส่งผลให้ บมจ.ศุภาลัย เห็นโอกาส จึงเข้าไปลงทุนแล้วเป็นเวลา 10 ปี เพื่อกระจายความเสี่ยง เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการอิ่มตัวของตลาดที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ช่วงปี 2556 และมีภาพการแข่งสูงในประเทศไทย

 

อธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการการบริหารความเสี่ยง บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI และ Director of Supalai Australia Holdings Pty Ltd กล่าวว่า บริษัทเริ่มเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยในออสเตรเลีย โดยร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นในออสเตรเลียตั้งแต่ช่วงปี 2557 หลังจากศึกษามา 1 ปี พบว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่สูงมากในระยะยาว เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตของดีมานด์มากกว่าซัพพลาย

 

อีกทั้งออสเตรเลียถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เพราะประชาชนออสเตรเลียมีรายได้เฉลี่ยต่อคนสูงกว่าประมาณ 3-4 เท่า เมื่อเปรียบกับประชาชนไทยในตำแหน่งงานเดียวกัน และมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ดีในระยะยาว รวมทั้งมีค่าเงินที่มีเสถียรภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน

 

นอกจากนี้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เป็นที่นิยมของกลุ่มชาวต่างชาติที่มีรายได้สูงที่ต้องการอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งครอบครัวและมาทำงาน เพราะเป็นประเทศที่มีความพร้อมในด้านต่างๆ ส่งผลให้ดีมานด์ใหม่ของที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต

 

 

โครงการอสังหา Balmoral Quay ในออสเตรเลีย

 

สำหรับการลงทุนของบริษัทตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในปี 2557 บริษัทได้ลงทุนผ่าน Gersh Investment Partners Ltd ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่ดูแลการลงทุนให้ศุภาลัยในออสเตรเลีย

 

โดยมีการจับมือพันธมิตรธุรกิจในออสเตรเลียจำนวน 5-6 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการจำนวน 12 โครงการ ใน 4 เมือง ได้แก่ เมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย, เมืองจีลอง รัฐวิกตอเรีย, เมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ และเมืองเพิร์ท รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 9.7 พันล้านบาท โดยมีมูลค่าโครงการตามสัดส่วนการถือหุ้นกว่า 5 หมื่นล้านบาท

 

ลงทุนอสังหาในออสเตรเลีย ให้ IRR สูง

 

ในช่วงที่บริษัทเริ่มเข้าลงทุนในออสเตรเลียเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของออสเตรเลียกำลังชะลอตัว จึงมีโอกาสลงทุนได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าภาวะปกติ ประกอบกับสถาบันการเงินในออสเตรเลียเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจ ส่งผลให้ผู้ประกอบภาคอสังหามีความต้องการพันธมิตรทางธุรกิจที่มาพร้อมกับแหล่งเงินทุนเพื่อนำมาใช้ขยายการลงทุน

 

อีกทั้งในตลาดที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มประชาชนที่มีรายได้ปานกลางและรายได้สูงที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งการลงทุนในออสเตรเลียยังสร้าง Internal Rate of Return (IRR) ได้ในระดับสูงอยู่ที่ระดับไม่น้อยกว่า 18% ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจ อีกทั้งกฎหมายมีความโปร่งใสเอื้อต่อการทำธุรกิจ

 

นอกจากนี้ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับอานิสงส์จากนโยบายภาครัฐบาลของออสเตรเลีย เพราะเล็งเห็นว่าเป็นภาคธุรกิจที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจภายในประเทศขยายตัว จึงมักออกนโยบายกระตุ้นให้ประชาชนมีบ้านเป็นของตัวเอง รวมทั้งในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหาการชะลอตัว เช่น ในปี 2567 ยังมีการออกมาตรการกระตุ้นระยะสั้น 1 ปี โดยออกแคมเปญให้เงินอุดหนุน (Cashback) ไม่เกิน 3 หมื่นดอลลาร์ออสเตรเลีย กับประชาชนที่ซื้อบ้านในราคาไม่เกิน 7 แสนดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยและปานกลางมีโอกาสเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี เพราะมีผู้ใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมาก

 

โครงการอสังหา Gen Fyansford ในออสเตรเลีย

 

“ตลาดที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตที่สูง เพราะซัพพลายน้อยกว่าดีมานด์ รูปแบบที่เราลงทุนช่วงเริ่มต้นเป็นการพัฒนาจัดสรรที่ดินขาย เพราะคนออสเตรเลียนิยมซื้อที่ดินจัดสรรไปเลือกแบบสร้างบ้านเอง แต่ช่วงหลังบริษัทเริ่มพัฒนาต่อยอดมาทำโครงการคอนโดมิเนียมกับทาวน์โฮมขายเพิ่มด้วย เพราะเห็นโอกาสแนวโน้มการเติบโตที่ดี” อธิปกล่าว

 

บอร์ดไฟเขียวขยายเพดานงบลงทุนออสเตรเลีย

 

อธิปกล่าวต่อว่า อีกสาเหตุสำคัญที่บริษัทขยายการลงทุนในออสเตรเลีย คือการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน โดยบริษัทขยายการลงทุนในประเทศไทยจนเริ่มเห็นสัญญาณการอิ่มตัว จึงจำเป็นต้องหาตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพื่อขยายโอกาสการลงทุนและสร้างการเติบโต ดังนั้น คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) จึงพิจารณาขยายกรอบวงเงินลงทุน โดยช่วงเริ่มต้น บริษัทกำหนดกรอบเงินลงทุนในออสเตรเลียไว้ไม่เกินสัดส่วน 10% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท แต่เมื่อเห็นโอกาสการเติบโตในตลาดออสเตรเลีย ช่วงปลายปี 2566 บอร์ดจึงอนุมัติขยายกรอบเงินลงทุนสำหรับใช้ในออสเตรเลียเพิ่มเป็นไม่เกิน 20% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท และมีโอกาสที่จะขยายกรอบเงินลงทุนเพิ่มในอนาคต หากมีโครงการใหม่ที่มีศักยภาพ

 

โดยช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา Supalai Australia Holdings Pty Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทได้เข้าร่วมลงทุนกับ Stockland Communities Partnership HoldCo Pty Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Stockland Corporation Ltd หนึ่งในบริษัทจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย จัดตั้งเป็นกิจการร่วมค้าใหม่คือ SSRCP HoldCo Pty Ltd

 

ทั้งนี้มีการลงนามในสัญญากิจการร่วมค้าเพื่อลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียมูลค่ารวม 1.063 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 2.53 หมื่นล้านบาท และได้เตรียมดำเนินการพัฒนาโครงการอีกจำนวน 12 โครงการใหม่ใน 4 รัฐ 5 เมืองสำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเมืองที่ศุภาลัยไม่เคยขยายตลาดมาก่อนคือซิดนีย์และวูลลองกองในรัฐนิวเซาท์เวลส์

 

โดยศุภาลัยถือหุ้นในสัดส่วน 49.9% ใน 12 โครงการใหม่ดังกล่าว ซึ่งใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 1.26 หมื่นล้านบาท หรือราว 530 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และมีสัดส่วนมูลค่าโครงการที่เป็นของศุภาลัยมูลค่า 5,785 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 137,700 ล้านบาท

 

“ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในต่างประเทศคือออสเตรเลียเพียงประเทศเดียว ซึ่งยังเน้นให้ความสำคัญเป็นหลัก สัดส่วนรายได้ตอนนี้ยังไม่ถึง 10% ส่วนกำไรอยู่ที่ประมาณ 3% ของทั้งหมด ซึ่งเราไม่ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มเป็นเท่าไร แต่ในอนาคตอยากให้มีสัดส่วนทยอยเพิ่มขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงของแหล่งรายได้และกำไร”

 

มูลค่าเงินลงทุนและโครงการอสังหาของศุภาลัยในออสเตรเลีย

 

ด้าน ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม Director of Supalai Australia Holdings Pty Ltd เปิดเผยว่า ปัจจุบันยอดขายสะสมรวบรวมถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 จาก 12 โครงการแรกดั้งเดิมที่ศุภาลัยถือหุ้นอยู่ มีมูลค่าถึง 2.45 หมื่นล้านบาท

 

สำหรับในครึ่งแรกปี 2567 บริษัทมียอดขายสูงถึง 1.7 พันล้านบาท เติบโตถึง 70% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2566 โดยโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดี คือโครงการ Arcadia Officer ทำยอดขายไปได้แล้วกว่า 96% โดยโครงการ Arcadia Officer ซึ่งเป็นโครงการแรกที่บริษัทร่วมลงทุนนั้นเป็นที่ดินจัดสรรที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 800 ไร่ จำนวนแปลงที่ดินจัดสรรราว 1,800 แปลง รวมมูลค่าโครงการ 551 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยศุภาลัยถือหุ้นในสัดส่วน 25% เป็นโครงการที่มีสภาพแวดล้อมสมบูรณ์ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะขนาดใหญ่ โรงเรียนประถมศึกษา-มัธยมศึกษา สนามกีฬาอเนกประสงค์ และสถานีรถไฟใกล้โครงการ 2 สถานี

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising