×

Suntur x O.D.S. เปิดมุมมองของชีวิตศิลปินไทยที่ชื่อ ‘ซันเต๋อ’

21.11.2018
  • LOADING...

ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล หรือ ซันเต๋อ (Suntur) เริ่มต้นจากการเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่หลงใหลในการวาดภาพประกอบสนุกๆ และเติบโตเป็นศิลปินที่มีงานสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ลายเส้นที่มีความมินิมัลและเข้าใจง่าย

 

ก่อนหน้านี้ THE STANDARD เคยคุยกับเขาช่วงนิทรรศการ ‘Zero Decibel’ ที่ซันเต๋อขนผลงาน 30 กว่าชิ้นจากนิวยอร์กมาแสดงงานครั้งแรกที่ประเทศไทย พบกันอีกครั้งในวันนี้ ซันเต๋อพัฒนางานจนหลุดออกมาอยู่นอกกระดาษและเฟรมผ้าใบ ได้ออกมาเป็นไอเท็มและของใช้ในชีวิตประจำวันภายใต้แบรนด์ชื่อ ‘Suntur Store’

 

โดยล่าสุด Suntur Store ได้จับมือกับ Object of Desire Store (O.D.S.) มัลติแบรนด์โฮมเดคอเรทีฟสโตร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ออกคอลเล็กชันสุดพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ‘Give Me a Chance’ หรือ ‘ขอให้ฉันโชคดี’

 

โชคดีเช่นกันที่ THE STANDARD ได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับงานคอลเล็กชันพิเศษครั้งนี้

 

 

ย้อนกลับไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น ซันเต๋อรู้ตัวว่าชอบงานศิลปะตั้งแต่เมื่อไร

รู้ตัวว่าชอบวาดรูปตั้งแต่ประถม ตอนที่เราได้รางวัลตอนเข้าแข่งขันประกวดวาดภาพ ทำให้รู้ว่าชอบและถนัดทางด้านนี้ เพราะก็ไม่เคยได้รางวัลอะไรมาก่อนเลย ประกอบกับชอบเรียนวิชาศิลปะและครูก็คอยให้การสนับสนุน ก็เลยทำให้ยิ่งชอบการวาดรูปไปอีก คือการวาดรูปของเราเองมันดีตรงที่ไม่ต้องพยายามเหมือนการสอบเลขให้ผ่าน สอบภาษาอังกฤษให้ผ่าน เราแค่รู้สึกว่าเวลาเราวาดรูป เราจะทำออกมาให้มันสวยเพราะเราชอบมันมาก แค่นั้นเอง

 

 

ก่อนหน้าที่จะมาวาดภาพประกอบ ซันเต๋อได้ลองทำงานด้านอื่นอะไรมาบ้าง

ก่อนหน้านี้เคยอยากทำโฆษณา เลยได้ไปลองทำเป็นครีเอทีฟที่เอเจนซีโฆษณาอยู่ประมาณ 5 ปี จริงๆ แล้วที่ไปทำงานในบริษัทเพราะว่าตอนเด็กๆ เราคิดมาเสมอว่าอาชีพวาดรูปไม่สามารถหาเลี้ยงชีวิตได้ แต่เราก็ทำไปพร้อมๆ กันทั้ง 2 แบบ ซึ่งสุดท้ายก็พบว่าจริงๆ แล้วงานวาดรูปมันหาเลี้ยงชีพได้

 

แล้วทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ

หลังจากที่เราเรียนจบและทำงานออฟฟิศมานานพอสมควร และก็มีความคิดเหมือนคนทั่วไปคืออยากลองไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ อยากลองหาประสบการณ์ใหม่ อยากใช้ชีวิตแบบอิสระ และคิดว่าควรไปตอนนี้ เพราะถ้าแก่กว่านี้คงจะไปยาก

 

ตอนแรกก็เริ่มจากเรียนภาษา จากนั้นก็ไปลงคอร์สศิลปะที่เราสนใจเป็นคอร์สสั้นๆ พวกงานภาพพิมพ์ งานเพนต์ ทำควบคู่กับงานฟรีแลนซ์ภาพประกอบ

 

ใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์กประมาณ 2 ปีครึ่ง ก็คิดว่าเพียงพอแล้วกับความสนุกและอิสระที่ได้ ถึงจะชอบนิวยอร์กขนาดไหน ยังไงก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี จึงตัดสินใจกลับบ้านและมาเริ่มทำ Suntur Store อย่างจริงจัง

 

 

Suntur Store เกิดขึ้นได้อย่างไร

มันเริ่มตั้งแต่เราไปอยู่นิวยอร์กใหม่ๆ แล้วเพื่อนที่ศิลปากรชื่อ รัน และ ปุ๊กปิ๊ก ก็ไปอยู่ที่นั่นด้วย สองคนนั้นก็มาชวนทำของขาย เราเองก็สนใจอยู่พอดี เพราะอยากต่อยอดงานศิลปะของเราอยู่แล้ว เริ่มจากคุยกันง่ายๆ จนเริ่มทำกันมาเรื่อยๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็น่าจะ 2 ปีแล้ว

 

Suntur Store คือแบรนด์ที่เอาภาพวาดของเรามาต่อยอดเป็นโปสต์การ์ด กระเป๋า งานปรินต์ต่างๆ เพราะบางครั้งเราเสียดายที่รูปออริจินัลมันจะไปอยู่กับแค่คนคนเดียว เราเลยอยากทำให้หลายคนได้มีผลงานของเราอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเขาได้ด้วย

 

จาก Suntur Store มาร่วมงานกับ O.D.S ได้อย่างไร

จริงๆ ของ Suntur Store มีขายอยู่ใน O.D.S อยู่แล้ว พอทาง O.D.S ติดต่อมาอยากทำคอลเล็กชันพิเศษ ก็เลยออกมาเป็นคอลเล็กชันชื่อ ‘ขอให้ฉันโชคดี’ ซึ่งคอลเล็กชันนี้พิเศษกว่าที่เคยทำ มันหลุดมาจากภาพประกอบที่เราเคยวาด

 

เริ่มจากตอนที่ไปอยู่นิวยอร์กและเราชอบไปเสี่ยงโชค พอเราเห็นพวกอิลิเมนต์ของไพ่ ลูกเต๋า เราก็รู้สึกว่ามันเอามาต่อยอดได้ เราเลยมองมันให้เป็นไทยในฉบับน้ำเต้า ปู ปลา ประจวบเหมาะกับกำลังจะขึ้นปีใหม่ คำว่า ‘ขอให้ฉันโชคดี’ ก็เป็นคำที่ดีสำหรับการบอกตัวเองอีกด้วย และตอนนั้นที่คิดไว้เหมือนเป็นการจะลาจากนิวยอร์ก เลยบอกตัวเองว่า ‘ขอให้เราโชคดีที่เมืองไทย’

 

 

อยากให้เล่าถึงนิทรรศการที่ผ่านมาก่อนหน้านี้หน่อย

เรามีนิทรรศการที่เพิ่งผ่านไปช่วงเดือนมีนาคม ชื่อ Zero Decibel เป็นงานแสดงภาพเพนต์เดี่ยวครั้งแรกในชีวิต ก่อนหน้านี้เคยมีนิทรรศการที่ฮ่องกงครั้งหนึ่งชื่อ Picnic with Suntur ที่ดึงงานของเราออกมาสร้างให้เป็นอินสตอลเลชัน

 

นิทรรศการ Zero Decibel เป็นอีกหนึ่งงานที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเหมือนกัน เป็นงานที่เราตั้งใจอยากทำมานานแล้ว และมีโอกาสดีที่ได้จัดขึ้น งานนี้ทำให้เราเจอสิ่งที่ทำให้เรามีแพสชันอีกครั้ง ตอนนี้เราเตรียมทำนิทรรศการครั้งที่ 2 ซึ่งน่าจะได้โชว์ในปีหน้า

 

แนวความคิดแต่ละงานมาจากไหน

แต่ละครั้งที่เริ่มวาดมันมาจากรอบตัวเลย ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องเพื่อน ฉากในหนังที่เราประทับใจ ทุกอย่างดึงออกมาเป็นภาพในมุมมองของเราให้เข้าใจง่าย คืองานเราจะดูออกเลยว่าเราวาดอะไร ไม่ต้องไปตีความมาก แต่จะลงลึกเรื่องราวในภาพ

 

ปกติแล้วใช้เทคนิคไหนมาทำงานศิลปะมากที่สุด

สไตล์และของที่ใช้มันเปลี่ยนไปตามอายุของเรานะ จริงๆ ก่อนหน้านี้เราใช้สีน้ำวาดเป็นหลัก แต่หลังจากที่ไปอยู่นิวยอร์ก เราชอบกับการเพนต์อะคริลิกลงเฟรมมากๆ เราค้นพบว่าการวาดรูปบนเฟรมผ้าใบสำหรับเรามันมีความสุขมากกว่าการวาดลงในคอมพิวเตอร์หรือวาดลงกระดาษเสียอีก แต่มีอีกอย่างที่เราอยากลองทำมากๆ คือ สีน้ำมัน แต่ว่ายังไม่ได้ทำ เพราะว่ามันแห้งช้า บางสีใช้เวลาเป็นเดือนเลยกว่าจะแห้งเลยทำให้เคลื่อนย้ายยาก รอมีสตูดิโอก่อนแล้วเราจะลองทำดู

 

เคยหมดแพสชันกับงานตัวเองบ้างไหม

ไม่เคยหมดแพสชันเลยสักครั้ง แต่ถ้าขี้เกียจก็มีบ้าง เพราะเรารู้ว่ายังไงก็จะวาดรูปไปจนตายอยู่แล้ว เราไม่ทิ้งมันแน่นอน แค่บางช่วงมันเหนื่อยอย่างเช่นช่วงนี้ เราต้องมาทำคอลเล็กชันกับ O.D.S เลยไม่ค่อยได้วาดรูปเหมือนกัน

 

 

เป้าหมายในชีวิตการเป็นศิลปินของซันเต๋อคืออะไร

เป้าหมายของชีวิตคืออยากมีงานอยุ่ในมิวเซียมต่างประเทศ เพราะตอนที่เราไปอยู่นิวยอร์ก เรารู้สึกว่าการที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้มันเล็กมากเลย อยากให้งานเราได้ไปอยู่ในมิวเซียม เพราะตอนที่เดินในแกลเลอรีจะมีความคิดขึ้นมาจริงๆ ว่า งานเราก็สวยนะ ทำไมเราถึงไม่ได้เอามาโชว์บ้าง เราเลยอยากมีผลงานโชว์ในมิวเซียมให้ได้

 

ในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้วาดรูปหรือทำงานศิลปะ ซันเต๋อจะไปทำอะไร

ถ้าไม่ได้วาดรูปคงไปทำอาหาร เพราะมันให้ความรู้สึกใกล้เคียงกัน เครื่องปรุงของอาหารมันก็เปรียบเสมือนสีที่เอาไปปรุงแต่งให้อร่อยและสวยงาม รูปเรามีความสุขยังไง อาหารก็มีความสุขอย่างนั้น

 

 

ภาพ: Instagram @suntur

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X