สตีเวน ยอน ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการภาพยนตร์ ด้วยการเป็นนักแสดงเชื้อสายเอเชียน-อเมริกันคนแรกที่ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์ Minari บนเวทีออสการ์ ครั้งที่ 93 ที่จะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2021 นี้

ภาพยนตร์ Minari เป็นผลงานโดย A24 Films เจ้าของเดียวกับ The Bling Ring (2013), Ex Machina (2015), Amy (2015), The Lobster (2015), 20th Century Women (2016), Lady Bird (2017) เป็นต้น การที่ Minari เป็นภาพยนตร์โดยผู้สร้างสัญชาติอเมริกัน จึงทำให้เส้นทางสู่เวทีออสการ์ไม่เกินความคาดหมายนัก ซึ่งตัวของสตีเวน ยอนเองก็มีส่วนสำคัญในโปรเจกต์นี้ เพราะเขาเป็นผู้เชื่อมโยงให้บทภาพยนตร์ของอี ไอแซค จอง ผู้เขียนบทและผู้กำกับซึ่งเป็นพี่เขยของเขา เดินทางไปถึงมือสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ที่ถูกต้อง

ในฤดูร้อนปี 2018 ขณะที่อี ไอแซค จอง เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษ เป็นช่วงเวลาที่เขากำลังคิดว่าจะวางมือจากวงการภาพยนตร์และไปเป็นอาจารย์ให้กับมหาวิทยาลัยยูทาห์ แคมปัสเอเชีย ที่อินชอน เกาหลีใต้ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้อาจเป็นผลงานสุดท้าย เขาจึงเลือกบอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวที่ถ่ายทอดความรู้สึกให้ผู้คนในวงกว้างได้ 

หลังจากเขียนบทเสร็จ สตีเวน ยอนเป็นคนแรกๆ ที่ได้อ่าน จากนั้นเขาได้ส่งต่อบท ‘Minari’ ให้กับ คริสตินา โอ โปรดิวเซอร์ของ Plan B ซึ่งเธอยอมรับว่าหลังจากอ่านจบ เธอก็หลงรักมันสุดหัวใจ 

แต่สำหรับสตีเวน ยอน เขาให้สัมภาษณ์ว่าถ้าได้รับบทนี้ก่อนหน้าสัก 4-5 ปีคงไม่มีทางแสดงบทนี้ออกมาได้สมจริง เพราะทางเดียวที่จะเข้าถึงตัวละครก็คือการเป็นพ่อคน ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะสตีเวน ยอนแต่งงานกับภรรยา โจแอน พัค ในปี 2016 มีลูกชายคนแรกในปี 2017 และต้อนรับลูกสาวคนที่สองในปี 2019 “ผมคงไม่มีทางเข้าใจพ่อแม่ได้เลย จนกระทั่งผมมีลูก ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจาค็อบรู้สึกยังไง ผู้ชายอายุสามสิบกว่าๆ มีลูกๆ ที่ต้องเลี้ยงดู แต่ยังเหลือไฟไว้ล่าฝันของตัวเอง”

สตีเวน ยอน รับบทจาค็อบ หัวหน้าครอบครัวชาวเกาหลีในยุค 80 ที่หอบเอาความหวังไปตั้งต้นชีวิตใหม่บนแผ่นดินอเมริกา เริ่มต้นจากการเป็นชาวสวนชาวไร่บนดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ต้องปรับตัวให้เข้ากับผู้คนและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากเกาหลี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเรื่องราวจากชีวิตจริงของผู้กำกับอี ไอแซค จอง ทั้งยังเป็นประสบการณ์ร่วมสำหรับชาวเกาหลีจำนวนมากมายในยุค 80 ที่ตัดสินใจไปตั้งถิ่นฐานในอเมริกา ก่อเกิดเป็นผลิตผลชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่เติบโตมาเป็นเจเนอเรชันสำคัญในทุกวันนี้

สตีเวน ยอน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการรับบทครั้งนี้ว่า “การรับบทจาค็อบสำหรับผมค่อนข้างยาก ขั้นตอนการเตรียมตัวสำหรับบทนี้มันทั้งสาหัส น่าประทับใจ น่าวิตก แต่ก็คุ้มค่า อย่างแรกเลย ถึงผมพอจะพูดเกาหลีได้ แต่มันไม่ได้แปลว่าผมจะพูดคล่องปากเหมือนที่จาค็อบพูด ผมต้องฝึกภาษาเกาหลีหนักมาก 

“ที่ยากไปกว่านั้นคือการต้องเล่นเป็นพ่อคนในยุค 80 ด้วยความที่ตัวละครเป็นคนกลุ่มน้อยของสังคม ยิ่งทำให้ผมต้องรับผิดชอบมากขึ้น ผมกังวลว่าจะเล่นตัวละครนี้ออกมาสมจริงพอหรือเปล่า ผมรู้จักพ่อตัวเอง เข้าใจสิ่งที่พ่อแม่ยุคนั้นต้องเจอหรือเปล่า หลายคนอาจจะยกย่องชาวเกาหลีรุ่นบุกเบิกที่เดินทางมาประเทศนี้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ แต่ผมต้องการเจาะลึกถึงตัวตนของพวกเขา

“ในภาพยนตร์ Minari เราพยายามเล่าเรื่องให้ออกมาธรรมดาสามัญที่สุด ปราศจากมุมมองการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ผมไม่เคยตื่นมาแล้วคิดว่าเป็นคนเกาหลี-อเมริกันที่พยายามใช้ชีวิตในอเมริกาที่คนขาวเป็นใหญ่ ทุกเช้าเวลาตื่น ผมคิดแค่ว่าจะกินอะไรดีนะ เมื่อเราละทิ้งองค์ประกอบพวกนั้น ความเป็นมนุษย์จึงปรากฏ มันคือเรื่องราวของคนเป็นพ่อ แม่ ลูกชาย และยาย มันเกี่ยวกับความยากลำบาก ความอดทนอดกลั้น ศรัทธา และความหวังที่จำเป็นต่อการเอาชนะอุปสรรค

“ตัวผมเองก็มีส่วนคล้ายจาค็อบเหมือนกันนะ ผมว่าสัตว์ประจำตัวของผมคืออูฐ ตรงที่มันพร้อมผจญภัยเสมอ มันไม่ใช่แค่แบกสัมภาระลุยพื้นที่ทุรกันดารให้คุณ แต่ยังแบกคุณไปพร้อมกันด้วย มันเป็นสัตว์ที่พึ่งตัวเองได้และไม่ลังเลจะก้าวไปข้างหน้า เหมือนกับจาค็อบที่ไม่เคยหมดศรัทธาในสวนของเขา” 

เส้นทางชีวิตสตีเวน ยอน 

อีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์จากเกาหลีที่เติบโตบนแผ่นดินอเมริกา

ครอบครัวของสตีเวน ยอน อยู่ที่โซล เกาหลีใต้ พ่อของเขาเป็นสถาปนิกในบริษัทใหญ่ แต่ก็ตัดสินใจพาครอบครัว รวมทั้งสตีเวน ยอน และน้องชายไปตั้งต้นใหม่ที่แคนาดาในปี 1988 จากนั้นครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่นอกเมืองดีทรอยต์ ในรัฐมิชิแกน ตัวเขาเองจึงมีปูมหลังไม่แตกต่างจากเรื่องราวในภาพยนตร์ Minari มากนัก

บ้านที่ดีทรอยต์ของสตีเวนในวัย 4 ขวบ เป็นเรือนกระจกหลังร้านขายของชำที่อยู่ในย่านชนชั้นกลาง และแม้ว่าพ่อจะเป็นสถาปนิก แต่ทั้งพ่อและแม่ก็เริ่มต้นงานแรกในอเมริกาด้วยการเป็นคนแพ็กตะเกียบใส่ซองกระดาษ

“ตอนที่พ่อผมเพิ่งย้ายมาอเมริกา เขาดูหัวเสียมาก ผมจำได้ เขาพูดว่าที่โมโหเพราะเพิ่งคิดได้ว่ายอมทิ้งอนาคตสดใสเพื่อมาเริ่มใหม่จากศูนย์ที่นี่ ในตอนเด็กผมยังปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมสไตล์อเมริกันไม่ค่อยได้ เลยใช้เวลาส่วนใหญ่สะสมการ์ดเอ็กซ์เมน ที่มีตัวบอกค่าพลังต่างๆ ผมอยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นคุณสมบัติของคนเอเชียหรือเปล่า เราชอบอะไรที่เป็นแพทเทิร์น คาดเดาได้ อะไรที่เป็นตัวเลขเยอะๆ”

สตีเวน ยอน เริ่มสนใจงานแสดงระหว่างที่เรียนวิทยาลัย ในตอนแรกเขาลงเรียนด้านประสาทวิทยา ทำให้หลังจบปริญญาตรีในปี 2005 เขาตัดสินใจไม่เข้าโรงเรียนแพทย์ และหันไปเรียนการแสดงในมหาวิทยาลัยแทน 

ในปี 2009 สตีเวนเริ่มรู้แล้วว่าเขารักงานแสดง จึงตัดสินใจขับรถข้ามประเทศไปที่ลอสแอนเจลิสเพื่อแคสต์บทนักแสดง และ 5 เดือนหลังจากนั้น เขาได้รับบทสำคัญที่พลิกชะตาชีวิตในบท เกล็น คนส่งพิซซ่าเชื้อสายเกาหลี ซีรีส์ The Walking Dead ที่ช่วงหนึ่งเคยได้รับความนิยมสูงสุดของอเมริกา การแสดงของเขาทำให้ชื่อสตีเวน ยอน เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

นอกจากนี้ สตีเวนยังมีผลงานภาพยนตร์ Okja (2017) ของผู้กำกับบงจุนโฮ, ภาพยนตร์ตลก Sorry to Bother You (2018) ของผู้กำกับบูตส์ ไรลีย์ ไปจนถึง Burning (2018) ภาพยนตร์ดราม่าของผู้กำกับอีชางดง เขาได้ทำลายมายาคติของคนเอเชียในฮอลลีวูด จนทำให้ อี ไอแซค จอง รู้แล้วว่าเขาจะเข้าถึงตัวละครจาค็อบ ในภาพยนตร์ Minari ที่เขาถ่ายทอดชีวิตส่วนตัวออกมาได้อย่างแน่นอน 

ตัวอย่างภาพยนตร์ Minari: 

การแสดงของสตีเวน ยอน ใน Minari ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่จับตามองในฮอลลีวูด เพราะไม่นานนี้ได้มีการประกาศผลงานใหม่ที่เขาจะรับแสดงให้กับจอร์แดน พีล ผู้กำกับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ Get Out (2017) ทั้งสตีเวนเองยังจะมีผลงานซีรีส์เรื่อง Beef กับทาง Netflix ที่แสดงคู่กับอาลี หว่อง

ส่วนผลงานที่กำลังอยู่ระหว่างโพสต์โปรดักชันก็คือ The Humans ของค่ายหนัง A24 ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากละครบรอดเวย์ชื่อเดียวกันของสตีเฟน คารัม เจ้าของรางวัล The Tony Awards เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่มาฉลองวันขอบคุณพระเจ้าในอพาร์ตเมนต์เมืองนิวยอร์ก โดยสตีเวน ยอน จะรับบท ริชาร์ด 

และนี่คือเส้นทางของสตีเวน ยอน นักแสดงเชื้อสายเอเชียน-อเมริกัน คนแรกที่ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม The Academy Awards ในปี 2021

สำหรับ The Academy Awards หรือ Oscars ครั้งที่ 93 ภาพยนตร์ Minari ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงถึง 6 สาขา ได้แก่ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (สตีเฟน ยอน), สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (ยุนยอจอง), สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม (อี ไอแซค จอง), สาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม 

โดยงานประกาศรางวัลจะจัดขึ้นในวันที่ 26 เมษายน 2021 นี้ และมีโอกาสสูงทีเดียวที่เราจะได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นบนเวทีออสการ์ 

อ่านต่อ Minari (2020) สวรรค์บ้านไร่ เมื่อคนเกาหลีฝัน (หวาน) แบบอเมริกันชน

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล