แอปพลิเคชัน Wongnai (วงใน) เวอร์ชันแรกเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2010 จากความที่ชื่นชอบส่วนตัวในการรับประทานของ ยอด ชินสุภัคกุล หลังจากที่เรียนจบกลับมาจากอเมริกาจึงได้มีไอเดียอยากทำแอปพลิเคชันค้นหาและรีวิวอาหาร โดยยอดนำความฝันนี้ไปถ่ายทอดให้กับเพื่อนอีก 3 คน ได้แก่ ภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ (CTO), ศุภฤทธิ์ กฤตยาเกียรณ์ (Architect) และวรวีร์ สัตยวินิจ (Product Manager) จากนั้นจึงเริ่มชักชวนมาร่วมสร้าง Wongnai ด้วยกันตั้งแต่ในวันนั้นจนถึงปัจจุบัน
โปรดักต์ที่ ‘ใช่’ กับทีมที่ ‘ใช่’ ในเวลาที่ ‘ใช่’
มองย้อนไปถึงช่วงแรกๆ ของ Wongnai ที่ทุกอย่างยังไม่ค่อยพร้อม โดยเฉพาะภาพรวมตลาดสตาร์ทอัพยังมีน้อยราย ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตยังอยู่ในจำนวนที่ไม่มากเท่าวันนี้ ยอดได้เล่าให้ AIS The StartUp ฟังว่า “เราเรียนรู้เยอะมากเลยครับ ในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมาเราเริ่มจากที่ไม่ค่อยมีคนใช้งานอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟนก็ยังใช้น้อย อินเทอร์เน็ตยังเป็น 2G ทำให้ยากลำบากมากที่จะให้คนมาใช้ ตอนนั้นเฟซบุ๊กเริ่มเข้ามาได้ไม่นาน คนยังไม่ค่อยเปิดรับเซอร์วิสใหม่ๆ ที่เป็นแอปพลิเคชันเท่าไร”
การที่ Wongnai ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นมาได้ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญให้ทีมงานรู้จักอดทน รู้จักที่จะรอ รู้ว่าความพยายามและความอดทนสำคัญมากแค่ไหน รู้ด้วยว่าเวลาที่ใช่นั้นยังมาไม่ถึง แต่รู้ว่าสักวันจะเดินทางมาถึงได้จริงๆ ปัจจุบันถ้าพูดถึงสื่อทางด้านร้านอาหาร คงไม่มีใครปฏิเสธว่า Wongnai คือ ‘เบอร์หนึ่ง’ ทางด้านนี้ รวมถึงจำนวนผู้ใช้ที่มีมากถึง 8 ล้านคน
สมการสตาร์ทอัพ 1 + 1 > 2
ในอดีต Wongnai เองทำโปรดักต์ที่เป็นฝั่งของผู้บริโภคมาตลอด ในวันนี้ที่ Wongnai ตัดสินใจที่จะข้ามฝั่งมาทำโปรดักต์ให้กับผู้ประกอบการบ้างจึงเริ่มมองหาโปรดักต์ที่ทุกร้านอาหารต้องมีและควรจะได้รับการยกระดับไปสู่อีกขั้นที่เหมาะสมกับพฤติกรรมในโลกดิจิทัล
ซึ่งหลายๆ ครั้งที่เดินเข้าไปร้านอาหารก็จะเจออุปกรณ์ที่ใช้คิดเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์ อาจจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือเครื่องคิดเงินเล็กๆ สิ่งนี้เรียกว่า POS (Point-of-Sale) จึงเห็นว่า POS ควรเป็นโปรดักต์ที่ต้องการถูก disrupt จากเครื่องคิดเงินธรรมดาๆ ที่มีหน้าที่สำหรับคิดเงินอย่างเดียวให้กลายเป็นโปรดักต์ที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างโลกออฟไลน์และออนไลน์ให้กับร้านอาหารได้ พร้อมด้วยศักยภาพอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ในมิติอื่นๆ ให้กับร้านอาหาร เช่น การโฆษณา และการรับออร์เดอร์ที่เกิดขึ้นนอกร้าน เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน FoodStory ซึ่งเราได้นำเสนอไปใน Startup Scale Up EP.6: Fail Fast, Learn Faster ถอดประสบการณ์ FoodStory จากโมบายล์แอปฯ สู่การเป็นระบบบริหารจัดการร้านอาหารครบวงจร ก็มีวิสัยทัศน์และความฝันในทิศทางเดียวกันกับ Wongnai และมีประสบการณ์ในการให้บริการระบบ POS มากกว่า 5 ปี ลองผิดลองถูกมาหลายอย่างจนสามารถหาสูตรที่ลงตัวในการก้าวสู่ความสำเร็จขั้นถัดไป นอกจากที่จะมีโปรดักต์ที่ดี เป็นที่ยอมรับของร้านอาหารทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ แล้วยังมีทีมที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะทีมผู้ร่วมก่อตั้งที่มีความตั้งใจ ขยัน อดทน และรู้จักตลาดจริงๆ
Wongnai มีความเชี่ยวชาญในฝั่งผู้บริโภค ในขณะที่ FoodStory มีประสบการณ์การการทำงานร่วมกับร้านอาหาร แม้ทั้งสองบริการจะมีความถนัดที่แตกต่างกัน แต่ด้วยวิสัยทัศน์ปลายทางของ FoodStory และ Wongnai ที่มีร่วมกันคือ ‘การเชื่อมต่อ’ (Connect People to Good Stuff) การรวมพลังของ Wongnai และ FoodStory จึงเกิดการสร้างระบบนิเวศของการบริหารจัดการร้านอาหารที่สมบูรณ์แบบครั้งแรกในประเทศไทยได้จริงๆ เกิดการสร้างโปรดักต์ใหม่ขึ้นมาชื่อ Wongnai POS by FoodStory
เจาะลึกทุกความสามารถของ Wongnai POS by FoodStory
ด้วยความที่ Wongnai และ FoodStory ต้องการที่จะเชื่อมต่อระหว่างผู้บริโภคและร้านอาหารเข้าด้วยกัน ทั้งสองจึงได้ร่วมกันพัฒนาฟีเจอร์หลักๆ ให้กับ Wongnai POS by FoodStory ที่สามารถเชื่อมต่อทุกบริการที่เป็นประโยชน์เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ความทันสมัย ซึ่งจะช่วยให้เป็นประโยชน์ทั้งทางฝั่งผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยฟีเจอร์หลักๆ มีดังนี้
1. ตัว POS สามารถเชื่อมต่อกับระบบข้อมูลร้านอาหารของ Wongnai เจ้าของร้านสามารถปรับข้อมูล เช่น เมนูอาหาร หรือเวลาเปิด-ปิด ได้ด้วยตัวเองบน POS ซึ่งเป็นระบบจัดการในร้าน และข้อมูลทั้งหมดจะเชื่อมโยงในระบบเพื่อแสดงบนแอปฯ Wongnai บนสมาร์ทโฟนของลูกค้าได้ทันทีโดยอัตโนมัติ ทำให้เจ้าของร้านไม่จำเป็นจะต้องทำการแก้ไขข้อมูลสองที่ นอกจากประโยชน์ด้านความสะดวกสบายให้กับร้านอาหาร ฟังก์ชันนี้ยังลดความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ในการใส่ข้อมูลสองครั้งที่ไม่ตรงกันอีกด้วย
2. Food Delivery Notification บน POS ที่เชื่อมต่อกับแอปฯ Wongnai เมื่อลูกค้าคลิกออร์เดอร์ผ่านแอปพลิเคชัน ข้อมูลจะถูกส่งและปรากฏบน POS โดยทันที นอกเหนือจากนั้นร้านค้าสามารถดูรายงานและสถิติของยอดขายจากการสั่งผ่านระบบเดลิเวอรีได้อีกด้วย
3. เพิ่มช่องทางการชำระเงินด้วย Dynamic QR Code ระบุค่าอาหารในตัวพร้อมสแกนและจ่ายเงินได้ทันที อำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค
นี่เป็นเพียงก้าวแรก ความร่วมมือไม่ได้หยุดเพียงแต่วันแถลงข่าว ทั้ง Wongnai และ FoodStrory ยังคงมุ่งที่จะพัฒนาฟีเจอร์ที่อื่นๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการให้กับร้านอาหาร เช่น ระบบการจอง (Reservation), การสั่งอาหารกลับบ้าน (Takeaway), ระบบลูกค้าสัมพันธ์ และ Loyalty Program ซึ่งสามารถติดตามได้ในเวอร์ชันต่อไปเร็วๆ นี้
เวลาแห่งชัยชนะของทุกๆ คน
ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ร้านค้าที่ได้ประโยชน์เท่านั้น แต่ผู้บริโภคก็ยังได้ประโยชน์อีกด้วย
“เราเชื่อว่าถ้าเราสร้างความสุขให้กับร้านค้าและสร้างความสุขให้กับตัวเองได้ เราก็จะสามารถส่งต่อความสุขนี้ไปยังลูกค้าได้เช่นกัน” ยอด ซีอีโอ Wongnai ได้กล่าวไว้
ความร่วมมือของทั้งสองสตาร์ทอัพทำให้ร้านอาหารทุกร้านเชื่อมต่อเข้ากับผู้ใช้ได้มากที่สุด เพื่อให้ร้านอาหารสามารถบริหารจัดการหน้าร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสทางการขาย รวมทั้งเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นและตรงกลุ่ม
ทางด้านลูกค้าของร้านอาหารก็จะมีความสะดวกในการใช้บริการส่วนต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่ายผ่านฟีเจอร์หลักๆ ของ Wongnai POS By FoodStory ซึ่งทั้งหมดนี้ที่กล่าวมา ร้านอาหารสามารถใช้บริการได้ ‘ฟรี’
ถือเป็นอีกขั้นของการก้าวสู่ธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ของ FoodStory หนึ่งใน AIS The StartUp และ Wongnai สำหรับนักธุรกิจในโลกดิจิทัลรุ่นใหม่ที่มีความฝันเพื่อต่อยอดความจริง สามารถส่งผลงานมาเข้าร่วมนำเสนอได้ที่ www.ais.co.th/thestartup