ความคืบหน้ากรณีหุ้นสตาร์ค หรือ STARK ซึ่งมีความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ล่าสุด ปปง. มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวจำนวน 16 รายงาน พร้อมดอกผล รวมมูลค่า 349 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นกู้เตรียมดำเนินคดีทางแพ่งแบบกลุ่มเพื่อขยายผลด้านการสอบสวนและเอาผิด หวังเยียวยานักลงทุนผู้เสียหายกว่า 4 พันราย
วันนี้ (20 พฤศจิกายน) วิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย และโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 11/2566 วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 คณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยหนึ่งในการพิจารณามีคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งคณะกรรมการมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รวมจำนวน 17 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 374 ล้านบาท
โดยคดีที่ได้รับความสนใจจากภาคประชาชนในวงกว้างคือคดีหุ้น STARK ซึ่งเป็นกรณีที่ ชนินทร์ เย็นสุดใจ กับพวกมีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน และยักยอกทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กรณีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งมี ชนินทร์ เย็นสุดใจ เป็นประธานกรรมการบริษัท มีพฤติการณ์ตกแต่งงบการเงินของบริษัทเพื่อแสดงผลการดำเนินการที่ดีและสูงกว่าความเป็นจริง ต้องการให้เป็นที่สนใจของผู้ลงทุน โดยเปิดเผยข้อความอันเป็นเท็จในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน พร้อมนำงบการเงินดังกล่าวไปใช้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการเสนอขายหุ้นกู้
โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน 16 รายการ เป็นเงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร หลักทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 349 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- DSI เร่งเครื่องสอบสวนคดีทุจริต STARK จ่อฟันผู้สอบบัญชีเพิ่มหากพบหลักฐานทำผิด พร้อมจับมือ บก.ปอศ. ตั้งคณะทำงานลุยเช็กบิลคดีหุ้น MORE
- คดีทุจริต STARK คืบหน้า! DSI แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเพิ่มเป็น 11 ราย รวม ‘วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ’ พบหลักฐานเอี่ยวปลอมบัญชี-แต่งงบการเงิน เตรียมส่งสำนวนให้อัยการภายในเดือน พ.ย. นี้
“ทรัพย์สินที่สำนักงาน ปปง. ยึดและอายัดไว้ 349 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่เป็นเงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ เพราะเป็นทรัพย์สินที่สามารถจำหน่ายจ่ายโอนได้ และแม้มูลค่าความเสียหายจะมีจำนวนมาก แต่เราก็ต้องยกเครดิตให้ ก.ล.ต. เพราะ ก.ล.ต. ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการอายัดทรัพย์จำนวนหนึ่งไว้พอสมควร” วิทยากล่าว
หลังจากนี้ต้องเอาทรัพย์สินที่ได้ยึดอายัดไว้ไปพิจารณาว่าเป็นทรัพย์สินที่มีการตระเตรียมสำหรับกระทำความผิดหรือไม่ หรือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เพราะรายการทรัพย์สินมีจำนวนมาก อาจมีความสลับซับซ้อน มีการจำหน่ายจ่ายโอนไปหลายทอด จึงต้องมีการคัดกรองทรัพย์สิน แต่ขอให้ผู้เสียหายสบายใจได้ว่าทรัพย์สินล็อตแรกนี้ที่เราได้อายัดไว้ยังไม่ได้ถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปไหน ส่วนทรัพย์สินในล็อตที่สองกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยเราจะตรวจสอบทรัพย์สินทั้งที่อยู่ภายในประเทศและที่ไหลออกไปภายนอกประเทศ คาดว่าต้องใช้เวลาในการดำเนินการสักระยะ
นอกจากนี้ วิทยาให้ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับหุ้น MORE ว่า ทาง ปปง. ได้อายัดทรัพย์สินและมีมติส่งศาลไปแล้ว แต่ลักษณะจะคล้ายหุ้นสตาร์คคือ รอในเรื่องการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ใครที่มีความเสียหายก็เตรียมข้อมูลมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ ปปง. ส่งให้ศาล เพื่อให้สามารถนำเงินที่ ปปง. อายัดไว้มาชดใช้คืนให้กับผู้เสียหายได้
DSI จ่อสรุปสำนวนคดีหุ้น STARK สิ้นเดือนพฤศจิกายน
ด้าน พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินคดีทางอาญารายคดี ชนินทร์ เย็นสุดใจ กรณีทุจริตตกแต่งบัญชีบริษัท สตาร์คฯ ว่า การดำเนินคดีนั้น ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เร่งรัดให้สอบสวนต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัท สตาร์คฯ และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม รวมถึงกลุ่มบริษัทลูกข่ายต่างๆ ซึ่งการสอบปากคำนั้น คณะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำแล้วทั้งสิ้น 160 ราย และได้รวบรวมพยานหลักฐานขยายผล และสามารถแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาแล้ว 11 ราย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 6 ราย และนิติบุคคลอีก 5 ราย และได้ออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ที่ต่างประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ พ.ต.ต. ยุทธนา ย้ำว่า ผู้เสียหายไม่ต้องเป็นกังวลในส่วนของผู้ต้องหาที่ยังพักอาศัยอยู่ภายในประเทศไทย เพราะในหมายจับได้มีการกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนยังได้มีการแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินสำหรับผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์รับ-โอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 10 ปี
ต่อคำถามที่ว่า DSI รู้ที่อยู่ของชนินทร์หรือไม่ พ.ต.ต. ยุทธนา ยืนยันว่าทราบ แต่ขอไม่เปิดเผยข้อมูล
วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมต่อสู้คดี
สำหรับการเข้าให้ปากคำของทายาทสีชื่อดัง หรือ วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา คณะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของเจ้าตัว อีกทั้งตลอดการเข้าพบพนักงานสอบสวนทั้ง 2 ครั้ง เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธพร้อมยื่นหนังสือแก้ข้อกล่าวหา และพร้อมต่อสู้คดี
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดภายในสำนวนนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องขอดำเนินการพิสูจน์ตรวจสอบก่อนว่ามีส่วนรู้เห็นต่อการทุจริตที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด และต้องดูว่าการขายหุ้นที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ต้องหาได้ประโยชน์จากการตกแต่งบัญชีด้วยหรือไม่ ซึ่งจะยึดตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต.
ส่วนขั้นตอนถัดไปคือการดำเนินการกับกลุ่มผู้รับรองการทำบัญชีหรือรับรองงบของบริษัท โดยที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกพยานไปถึง 2 ครั้งแก่บุคคล 1 ราย ซึ่งเป็นพนักงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของบริษัท สตาร์คฯ โดยเจ้าตัวได้มีการเลื่อนหมายเรียกเพราะอ้างอาการเจ็บป่วย ซึ่งมีใบรับรองแพทย์ประกอบมาให้ หากมีการเข้าพบพนักงานสอบสวนก็จะสอบถามในกรณีว่ามีความบกพร่องต่อการตรวจสอบบัญชีของบริษัท หรือได้ทำตามมาตรฐานของนักตรวจสอบบัญชีหรือไม่
“เรื่องดำเนินการกับผู้รับรองงบ หากสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดก็ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ตอนนี้ออกหมายเรียกไป 1 คน และส่วนตัวประเมินว่าเป็นเรื่องของการทำหน้าที่ส่วนบุคคลมากกว่า ไม่น่าจะมีการขยายผลไปสู่บริษัทที่เป็นต้นสังกัดของผู้รับรองงบแต่อย่างใด”
กลุ่มผู้ถือหุ้นกู้เตรียมฟ้องแพ่งแบบกลุ่ม
ทางด้านกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์คเตรียมดำเนินคดีแพ่งแบบกลุ่ม (Class Action) เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายรายให้ชดใช้ต่อประชาชนผู้เสียหายกว่า 4 พันราย โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้
โดยตัวแทนกลุ่มได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่กลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์คมีความกังวลและต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวชี้แจงข้อมูลเพิ่มคือ ส่วนที่เกี่ยวกับผู้บริหาร STARK ที่เป็นผู้ต้องหาและไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว ปปง. มีแนวทางจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง และการติดตามทรัพย์สินที่ถูกถ่ายโอนไปยังต่างประเทศแล้วจะดำเนินการอย่างไร