×

About a Boy แสตมป์ อภิวัชร์ “ผมไม่อยากจะเป็นผู้ใหญ่ที่บอกว่าเพลงของเด็กรุ่นใหม่มันกระจอก ผมไม่อยากพูดคำนี้ ผมก็เลยพยายามที่จะฟัง”

13.07.2019
  • LOADING...

 

POP: ที่ผ่านมาแสตมป์ร่วมงานกับศิลปินอื่นๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศเยอะมาก งานก็ออกมาสนุกมาก อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้แสตมป์อยากจะไปร่วมงานกับใครสักคนหนึ่ง 

 

(ล่าสุด ‘ทั้งจำทั้งปรับ’ ก็ร่วมงานกับ ยังโอม กานต์ The Parkinson ส่วนภาคดนตรีก็ร่วมงานกับ นีโน่-เกริก ชาญกว้าง) 

 

STAMP: ผมรู้สึกว่าอินพุตของผมมันมีจำกัด อย่างผมเติบโตมาในยุค 90 ผมก็จะมีชุดเพลงที่ฟัง มีลิสต์เพลงของผมอยู่ และไม่ว่าเราจะยัดเพลงใหม่เข้าไปอย่างไร มันก็ทดแทนสิ่งเหล่านั้นยาก

 

ยุคผมมันเป็นยุคอัลเทอร์เนทีฟ สับกีตาร์กันแหลก ฉะนั้นถ้าเรื่องบีต เรื่องริทึม ผมก็จะมีน้อยกว่าเด็กพวกนี้มาก เพราะเด็กพวกนี้เติบโตมากับเพลงที่มีบีตเป็นหลัก ผมก็เลยรู้สึกว่าการที่เรา Collaborate กับคนที่โตมาในอีกยุคหนึ่ง หรือเสพเพลงมาอีกแบบหนึ่ง มันช่วยเพิ่มสิ่งที่เราไม่ได้เสพให้อยู่ในเพลงของเราได้ ซึ่งมันก็ทำให้เพลงของเราไม่ตาย หรือฟังแล้วรู้สึกว่าเพลงเป็นแบบนี้อีกแล้วเหรอวะ แค่นั้นเอง

 

 

 

POP: แสตมป์บอกว่าเคยมีช่วงที่ไม่เก็ตกับเพลงใหม่ๆ แล้วพอกลับมาฟังก็พบว่ามีเพลงที่เราไม่รู้จักเต็มไปหมดเลย น่าคิดเหมือนกันว่าภาวะแบบนี้เรียกว่าเชยแล้ว แก่ขึ้นแล้วหรือยังสำหรับนักดนตรีและนักแต่งเพลง  

 

STAMP: ผมอธิบายง่ายๆ ได้ว่า ก่อนจะถึงยุคสตรีมมิงเนี่ย มันเป็นยุคยูทูบโดยสมบูรณ์ เพราะซีดีก็แทบไม่มีแล้ว MTV ก็ไม่มีแล้ว คือยุคผมเมื่อก่อนเวลาเราจะตามเพลงใหม่ เราจะฟังจาก Channel [V] แล้วเราก็จะรู้ว่า โอเค โลกใบนี้กำลังฮิตเพลงนี้ ผมก็จะได้เห็นว่าตอนนี้มันมีวงอย่าง The Strokes มันมี Eminem 

 

จนกระทั่งถึงช่วงก่อนหน้านี้สัก 4-5 ปีก่อนจะถึงยุคสตรีมมิง ก่อนที่ Spotify จะเข้ามาเมืองไทย มันเป็นยุคยูทูบโดยสมบูรณ์ ช่วงนั้นแหละที่ผมรู้สึกว่า เฮ้ย มันไม่มีแหล่งปลาแล้ว เพราะอัลกอริทึมของยูทูบ คุณฟังเพลงแบบไหน คุณก็จะได้ฟังเพลงแบบนั้นไปเรื่อยๆ 

 

คือถ้าเราชอบฟังเพลงยุคนี้ มันก็จะแนะนำแต่เพลงยุคนี้มา นั่นก็เท่ากับเราแทบจะตัดขาดไปเลยว่าแล้วคนยุคนี้ในตอนนี้เขาฟังเพลงอะไรกัน ช่วงนั้นแหละที่ทำให้ผมขาดไปเลยว่ามันมีสิ่งที่เราไม่รู้จัก และมันกำลังมา มันกำลังมีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมดเลย 

 

จนกระทั่งวันหนึ่งมันมีสตรีมมิงเกิดขึ้น มีโหมดเทรนด์เพลย์ลิสต์ที่บอกเราว่าตอนนี้ศิลปินเหล่านี้กำลังทำสิ่งเหล่านี้อยู่นะ ซึ่งมันก็ทำให้ผมได้ลองฟัง เราได้อัปเดต เรากลับมาตามทันอีกครั้งว่า อ๋อ เด็กสมัยนี้เขาฟังอะไรกันบ้าง

 

หรืออย่างรายการ Beats 1 ใน Apple Music คือมีช่วงหนึ่งที่ผมลองฟัง Beats 1 ทั้งวัน แล้วพบว่าตัวเองไม่รู้จักเพลงอะไรเลย (หัวเราะ) ผมไม่เข้าใจอะไรเลย อะไรวะเนี่ย มันเป็นเพลงทรอปิคัลทั้งวันเลย แล้วเพลงที่มีคนเล่นกีตาร์ไปอยู่ไหนวะ ช่วงนั้นแหละที่ผมเริ่มค่อยๆ กลับมา อ๋อ มันมีเพลงแบบนี้นะ อ๋อ มันมี Post Malone อยู่บนโลกใบนี้ มันมี Billie Eilish มันมี Lil Pump เว้ย ซึ่งก่อนหน้านี้ยูทูบไม่เคยเลือกเพลงหรือศิลปินเหล่านี้มาให้ผมเลย แต่พอมีสตรีมมิง ไม่ว่าจะขึ้นรถหรือลงเรือ มันคือการเข้าห้องเรียนของผมหมดเลย เพราะผมจะได้ฟังเพลงใหม่ๆ เยอะขึ้น และได้เข้าใจมันมากขึ้น

 

 

POP: เรียกว่าเป็นช่วงอัปเดตข้อมูล อัปเกรดระบบปฏิบัติการเพลงใหม่ 

STAMP: มันเป็นสิ่งที่ผมคิดมาโดยตลอดเลยว่าคนเราพอถึงยุคหนึ่งแล้วจะหยุดฟังเพลง เขาบอกว่าเพลงที่เพราะที่สุด พีกที่สุด คือตอนอายุ 18 ปี ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงแหละ โดยเฉพาะคนไทย ผมว่าใช่เลย 

 

คือเขาก็จะฟังแต่เพลงยุคเขา ไม่ค่อยได้ฟังเพลงใหม่ๆ หลังจากนั้นก็จะเริ่มโทษเพลงใหม่ๆ ว่าไม่เพราะ เพลงสมัยนี้มันไม่เพราะ เพลงสมัยนี้มันไม่ได้เรื่อง คอมเมนต์อะไรแบบนี้เราได้ยินมาตลอดเวลา 

 

ยุคพ่อก็จะว่าเพลงยุคผม ยุคผมก็จะว่าเพลงรุ่นเด็กกว่า ซึ่งผมว่าจริงๆ แค่เราไม่ได้ฟังเท่านั้นแหละ มันไม่ได้มีเพลงที่ไม่เพราะหรือเพลงที่ไม่ดีไปกว่ากัน ผมว่ามันอยู่ที่เทคโนโลยี และเราให้เวลากับมันแค่ไหน ผมว่าถ้าให้เวลา ถ้าเพลงมันดี อย่างไรเราก็จะชอบ  

 

สุดท้ายมันก็เลยเป็นโจทย์ของผมเหมือนกันนะว่า ผมไม่อยากจะเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น ผมไม่อยากจะเป็นผู้ใหญ่ที่บอกว่าเพลงของเด็กรุ่นใหม่มันกระจอก ผมไม่อยากพูดคำนี้เลยในชีวิตนี้ ผมก็เลยพยายามที่จะฟัง 

 

พยายามฟังเพื่อที่จะเรียนรู้และเข้าใจ…

ใช่ พยายามฟัง พยายามเข้าใจว่าเพลงนี้มันเพราะอย่างไร ทำไมเพลงนี้มันเจ๋ง ทำไมเพลงนี้เด็กมันถึงชอบ สมมติถ้ามีลูก ผมก็อยากจะไปคอนเสิร์ตที่ลูกอยากไป ผมอยากเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น (คิด) แต่ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ได้ฟังเพลงใหม่ผิดนะ ผมแค่ไม่อยากจะปิดตัวเอง ไม่อยากจะเป็นผู้ใหญ่ที่ทำเพลงแต่แบบของตัวเอง 

 

 

 

POP: การได้ออกไปทัวร์ญี่ปุ่นในช่วงอัลบั้มสากล STAMP STH เราเชื่อว่ามันต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ให้แสตมป์เยอะมาก โดยเฉพาะงานสตูดิโออัลบั้มกับ Toy’s Factory ที่เพิ่งออกมา    

STAMP: ผมอยากบอกว่าคุ้มค่ามากเลยครับ (คิด) ไม่รู้นะ เขาไม่ได้พูดออกมา แต่ตอนแรกๆ ผมรู้สึกได้ว่าเขาคงคิดว่าเราทำไปทำไม เพราะด้วยตัวผมที่ไม่ใช่คนอินเตอร์อะไร ผมไม่ได้เป็นเด็กจบนอก ไม่ได้เป็นลูกครึ่ง ผมมาจากบางกะปิ ช่วงแรกก็เลยมีแต่คนสงสัยว่าทำอัลบั้มเพลงสากลไปทำไม ทำแล้วได้อะไร แต่ตอนนี้รู้สึกว่าคุ้มมากเลยครับที่ได้ทำ 

 

ตอนนี้คนที่เคยไม่เข้าใจ เขาเข้าใจแสตมป์แล้วหรือยัง

คนอื่นเข้าใจหรือเปล่าไม่รู้นะ แต่ผมคิดเอาเองเลยว่าถ้าไม่ได้ทำ เพลงของผมในตอนนี้คงเป็นอีกแบบหนึ่งไป ชีวิตของผมด้วยเหมือนกัน คงเป็นอีกแบบหนึ่งไปแล้วถ้าไม่ได้ทำ 

 

ทำไมเหรอ แสตมป์ในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง 

ผมมีความสุขขึ้นเยอะเลย มันเหมือนได้ทำอะไรที่อยากทำไปแล้ว สะใจไปแล้ว ตอนนั้นผมลองทำแบบไม่คิดถึงผลลัพธ์เลย ต้องยอมรับอย่างสัตย์จริงเลยนะว่าตั้งแต่อัลบั้มชุดแรกของผมจนถึงเพลงไทยล่าสุด ผมทำเพื่ออยากจะให้มันเข้าถึงผู้ฟังได้ แต่กับอัลบั้มเพลงสากลมันคือศูนย์ ผมทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ผมรู้สึกดีที่ได้ปลดปล่อยมันออกไป และผมมีความสุขกับการทำเพลงมากขึ้น  

 

มีความสุขในแง่ไหนบ้าง เช่น รู้สึกว่าได้ไปเล่นดนตรีเมืองนอก ได้สร้างแฟนเพลงกลุ่มใหม่ที่กว้างขึ้น ได้เดินทางเยอะขึ้น ฯลฯ 

ผมว่ามันเป็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เหมือนเราได้ไปเที่ยวในเชิงจิตใจ ได้ไปเล่นดนตรี ได้ไปออกเพลงที่โน่น ได้ไปเล่นกับนักดนตรีอื่นๆ ได้ไปอยู่ในบรรยากาศอื่นๆ เฟสติวัลอื่นๆ ไลฟ์เฮาส์อื่นๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกสนุกขึ้น รู้สึกว่าชีวิตมีสีสันมากขึ้น ผมเชื่อว่าพอทำดนตรีไปสัก 10 ปี คนเรามันก็ต้องการจะรีเฟรชตัวเอง ซึ่งผมรู้สึกว่างานนี้เป็นแบบนั้น

 

 

 

 

 

การตัดสินใจครั้งนั้นพาคุณไปไกลขึ้นมาก ไกลถึงขนาดได้ออกงานสตูดิโออัลบั้มกับ Toy’s Factory  

ใช่ครับ อย่างที่ได้ประกาศไปแล้วว่าผมได้ออกอัลบั้มใหม่กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งอัลบั้มแรกนี่แหละที่พาเราไปจนได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Toy’s Factory อย่างที่เราไม่คาดฝันมาก่อน แล้วเราก็ช็อกมากที่เขามาเลือกเรา 

 

Toy’s Factory ในฐานะที่ผมเป็นแฟนเพลงญี่ปุ่น ผมชอบค่ายนี้มาก เรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่เขายอมรับเรา พูดแล้วยังขนลุก ซึ่งจุดเริ่มต้น ผมมีโอกาสได้ไปเล่นดนตรีตามไลฟ์เฮาส์ต่างๆ รวมถึงมีโอกาสเล่นเป็นวงเปิดให้กับศิลปินหลายๆ วงของญี่ปุ่น จนกระทั่งได้เจอกับค่ายนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเขามาสนใจเราตอนไหน

 

จำได้ว่าคืนที่รู้ว่าเขาสนใจ ผมไม่ได้คิดมาก่อนเลย แล้วตอนนั้นก็มีอีกค่ายหนึ่งมาคุยกับเรา แต่คนที่ดูแลผมที่ญี่ปุ่นเขาบอกว่าอย่างเพิ่งคุย เพราะ Toy’s Factory เขาสนใจคุณ พอรู้เราก็ช็อกมาก แต่ตอนนั้นเราเก๊กอยู่ แต่พอถึงบ้าน เฮ้ย WTF! (หัวเราะ) แล้วหลังจากได้คุยกับเขาจริงๆ เราก็ลองทำเดโมไปส่ง จนกระทั่งได้ออกอัลบั้มด้วยกันในชื่อว่า Ekamai Dream 1 แต่ล่าสุดผมเพิ่งปล่อยซิงเกิลเปิดตัวชื่อ Bangkok Summer ไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน เพลงเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษที่โปรดิวซ์ และร่วมกันแต่งกับ Christopher Chu จากวง POP ETC ส่วนอัลบั้มเต็มจะวางขายวันที่ 7 สิงหาคมนี้ 

 

Bangkok Summer (ENG) Japan Debut Single

 

เพลงในอัลบั้ม Ekamai Dream 1 ก็จะมีทั้งเพลงสากล มีเพลงไทยด้วย ก็คงบาลานซ์กันไปครับ แล้วผมก็ได้ลองร้องเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นไปเพลงหนึ่ง ซึ่งไม่รู้เวิร์กหรือเปล่านะ แต่ตอนอัดก็มีคนขำอยู่ (หัวเราะ) คือตอนนี้ผมก็ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ สนุกมากครับ เราเป็นคนชอบดูละคร ดูการ์ตูน ดูหนังญี่ปุ่นอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่าเรียนแล้วได้ประโยชน์ คือนอกจากเรื่องงานแล้วยังได้ประโยชน์เรื่องอื่นด้วย แล้วนอกจากจะได้ไปขึ้นเล่นที่ Summer Sonic 2019 ในเดือนสิงหาคม ผมจะมีโอกาสได้ไปทัวร์ที่ญี่ปุ่นในช่วงเดือนกันยายนด้วย แต่เรายังเป็นศิลปินหน้าใหม่ของที่นั่นอยู่เนอะ คงจะไม่ได้เป็นทัวร์ยิ่งใหญ่มาก แต่ลองดูครับ น่าจะเป็นการทัวร์ที่เป็นกิจจะลักษณะมากขึ้น

 

 

 

 

POP: Summer Sonic 2019 ใกล้เข้ามาทุกที ตอนนี้ตื่นเต้นไหม ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหม 

STAMP: ผมตื่นเต้นมากๆ เลย เรียกว่ามีความสุขที่กำลังจะได้ไปเล่นดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้ผมไปดูบ่อยมาก แล้วมันก็เป็นเทศกาลดนตรีที่ผมชอบที่สุดเลย มันสบาย แล้วมันก็มีวงที่เราชอบหมดเลย อย่าง Fuji Rock Festival เนี่ย บรรยากาศมันก็จะดูป่าๆ หน่อย แล้ววงที่มาเล่นมันก็จะเป็นอีกแบบ วงแบบคลาสสิกหน่อย แต่ผมรู้สึกว่า Summer Sonic มันเป็นเฟสติวัลของคนเมือง มันเป็นบรรยากาศอีกแบบที่เราชอบมากกว่า รู้สึกว่ามันเป็นเฟสติวัลที่ดีไซน์มาเพื่อเรา แล้ววงดนตรีหรือศิลปินที่เขาเลือกมามันก็ถูกจริตเรา ผมก็เลยชอบเทศกาลดนตรีนี้ที่สุด จะให้ไป Coachella Music Festival (อเมริกา) หรือ Glastonbury Festival (อังกฤษ) ก็ไม่ไหว เพราะว่าเหนื่อย แล้วเราก็แอบกลัวฝรั่ง แต่พอเป็นคนดูญี่ปุ่น เรารู้สึกว่าเขาเรียบร้อย เราไม่ต้องกลัวอะไร ผมก็เลยไปบ่อย 

 

ปกติผมจะตามอินสตาแกรมของ Summer Sonic คอยเช็กว่าปีโน้นปีนี้มีศิลปินวงไหนมาบ้าง แล้วพอปีนี้มีชื่อเราเป็นตัวเหลือโผล่ขึ้นมา โอ้โห เราก็เลยตื่นเต้นในฐานะที่เป็นแฟนเทศกาลอยู่ก่อนแล้ว ผมว่าความรู้สึกมันเหมือนตอนเล่นงานแฟตเฟสติวัล ครั้งแรกเลย ตอนนั้นก็รู้สึกว่า โอ๊ย ได้ไปเล่นงานแฟตแล้วโว้ย (หัวเราะ)

 

เรื่องอะไรที่กรี๊ดที่สุดใน Summer Sonic ปีนี้ ที่คุณกำลังรอคอยจะได้ไปพบ  

Summer Sonic ปีนี้เป็นปีที่มี 3 วันนะ เพราะว่ามันเป็นการครบรอบ 20 ปี แล้วปีหน้าจะไม่มี เพราะว่าติดโตเกียวโอลิมปิก 2020 เขาก็เลยลงดนตรีเยอะหน่อย แล้วตอนนี้ผมอินวงดนตรีญี่ปุ่นอยู่วงหนึ่งครับ ชื่อวง King Gnu(キングヌー)เป็นวงที่เจ๋งมากเลยครับ ผมก็อยากดูวงนี้เล่นมากเลย กรี๊ดอีกอย่างคือเราได้ไปเล่นแล้วก็มีเพื่อนๆ เราหลายๆ คนตามไปดู ก็น่าสนุกดี 

 

 

 

 

ผมเตรียมเพลงจากอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกกับ Toy’s Factory ไปเล่น แล้วก็มีเพลงจากอัลบั้มสากลชุดเก่า (STAMP STH) แล้วก็มีเพลงไทยด้วยที่จะเอาไปฝากผู้ชมใน Summer Sonic คือเราไม่ใช่วงใหญ่ ได้เล่นบนเวทีสัก 30-40 นาทีเราก็ฟินแล้ว

 

 

 

 

 

 

POP: คุณแต่งงานมา 3 ปีแล้ว ชีวิตคู่เป็นอย่างไรบ้าง มีเรื่องอะไรที่ต้องทั้งจำทั้งปรับบ้างไหม

STAMP: ผมยังไม่มีปัญหาหนักๆ แล้วก็รู้สึกว่ายิ่งแต่งงานยิ่งดี ด้วยความที่พอแต่งงานมันทำให้เราไว้ใจกันมากขึ้น เขาไว้ใจผมมากขึ้น แล้วเราก็ฝากชีวิตให้กันแล้ว ก็เลยไม่ต้องคิดมากกับเรื่องยิบๆ ย่อยๆ ผมว่าก่อนแต่งงานเรายังทะเลาะกันมากกว่านี้อีก 

 

แสตมป์ อภิวัชร์ กลัวภรรยาไหม

เกรงใจ (กระซิบ) กลัวจะมีปัญหา 

 

อะไรน่ากลัวที่สุดในชีวิตคู่

เมียโกรธ  

 

อะไรที่จะไม่ทำ เพราะรู้แน่ๆ ว่าทำแล้วเมียจะโกรธ

เยอะมากเลย แต่ผมรู้สึกว่าเขาก็พยายามที่จะไม่โกรธผมอยู่นะ (ยิ้ม) เพราะผมรู้สึกว่าผมทำหลายๆ อย่างที่เขาน่าจะโกรธ เช่น ผมเป็นโอตะอย่างนี้ ผมรู้สึกว่าเขาต้องโกรธแน่ๆ แต่เขาก็พยายามจะอดทน เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบหรอก

 

ก็เลยปรับด้วยการเลิกเป็นโอตะแล้ว 

ก็ยังเป็นอยู่ครับ (หัวเราะ) แต่อาจจะเป็นน้อยหน่อย  

 

พอเป็นสามี ต้องวางแผนให้ลึกขึ้นไหมว่าชีวิตจะต้องเป็นอย่างไร

ไม่ครับ เพราะผมกับภรรยาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานแล้ว ถามว่าอนาคตวางแผนมากขึ้นไหม ผมว่าผมวางแผนมานานแล้ว 

 

 

 

 

 

จะมีลูกในเร็วๆ นี้ไหม 

ตอนนี้ตอบว่ายัง ตอบว่าไม่  

 

แล้วเมื่อไรถึงจะมีครับ

คิดว่าไม่มีลูกครับ ตอนนี้คุยกันไว้แบบนั้นว่าไม่มีดีกว่า อาจจะด้วยตัวผมที่มีความเป็นเด็กสูงมากเลย สงสารเมียด้วยที่ต้องมาเลี้ยงเด็กสองคน เพราะทุกวันนี้เมียผมดูแลผมเยอะมากเลยครับ เขาดูแลผมเหมือนเป็นแม่เลย ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องทำงานด้วย ทำบริษัทด้วยกันด้วย 

 

ณ ตอนนี้ผมก็พูดในแง่ของคนที่ยังไม่มีลูกนะ พูดในมุมส่วนตัวที่รู้สึกว่าถ้าผมมีลูก ผมต้องอยากให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้แน่ๆ เราจะต้องไปคาดหวังเขา แล้วเราก็จะต้องผิดหวังถ้าเขาไม่เป็นอย่างที่เราคาด เราอาจจะต้องไปทะเลาะกับเขา เพราะอยากให้เขาเป็นคนดีในแบบที่เราอยากให้เป็น 

 

พอโตมาจนถึงวันนี้ ผมเชื่อว่ามันไม่มีคนดีและคนไม่ดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ในเวลาเดียวกันเราก็เคยได้ยินคนพูดว่าลูกเป็นอะไรก็ได้ แต่ขอให้เขาเป็นคนดี…แล้วคนดีคืออะไรวะ บางอย่างอาจจะดีสำหรับเรา แต่อาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่นก็ได้ ผมเลยรู้สึกว่าชีวิตมันซับซ้อน แล้วส่วนตัวก็อยากเที่ยวเล่นอยู่ด้วย ตอนนี้ก็เลยบอกแบบนี้ก่อนแล้วกันว่ายังไม่อยากมีลูก แต่ปีหน้าไม่รู้คิดอย่างไร เพราะปีที่แล้วผมก็ไม่ได้คิดแบบนี้  

 

รอบหลายเดือนนี้คุณมีเรื่องให้แฟนเพลงตื่นเต้นตลอด อยากถามส่งท้ายว่า

เรื่องอะไรในช่วงนี้ที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น อยากจะตื่นนอนแล้วรีบลุกออกมาใช้ชีวิต 

เฮ้ย ผมพูดจริงๆ นะ อาจจะฟังดูตลกมากเลย (ยิ้ม) ผมอยากเล่นเกมใหม่ๆ อยากดูหนังเรื่องใหม่ๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าพออายุขนาดนี้ เรื่องพวกนี้แม่งเป็นความสุขสำหรับเราจริงๆ นึกออกไหม คือสำหรับคนมีลูกคงอยากจะเห็นลูกโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีลูก ตอนนี้ผมเลยอยากเล่นเกม Final Fantasy 7 ภาครีเมก ผมอยากดู Star Wars ภาค 9 อยากฟังอัลบั้มเต็มชุดที่สองของ Billie Eilish ว่ามันจะดังแบบอัลบั้มแรกหรือเปล่า คือรู้สึกว่ายังมีอะไรรอเราข้างหน้าอีกเยอะเลย แล้วก็อยากมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนั้นให้ได้ มันฟังดูปัญญาอ่อนมากเลย แต่ว่าเป็นเรื่องจริง 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X