ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคมนี้ ตามเวลาประเทศไทย โดยหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำคัญอันเป็นที่จับตาสำหรับพระราชพิธีนี้คือ ‘พระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด’ แห่งราชวงศ์อังกฤษ
แม้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะทรงขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ทันทีที่พระมารดาหรือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2022 แต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกถือเป็นราชประเพณีโบราณที่เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นรัชกาลใหม่อย่างเป็นทางการ โดยในพระราชพิธีสำคัญนี้ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะได้ทรงพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพพระองค์จะมีโอกาสได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียวในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น ก่อนที่พระมหามงกุฎจะถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอน เพื่อรอคอยพระมหากษัตริย์พระองค์ต่อไป
พระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดซึ่งมีอายุ 362 ปี ถูกรังสรรค์ขึ้นจากทองคำแท้ 22 กะรัต มีความสูงกว่า 30 เซนติเมตร และมีน้ำหนักมากถึง 2.23 กิโลกรัม ประดับประดาด้วยอัญมณีหลายชนิดรวม 444 เม็ด รวมถึงแซฟไฟร์ ทับทิม แอเมทิสต์ โทแพซ และอะความารีนหลากสีสัน
ชื่อของพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดนั้น ได้รับการขนานนามตามชื่อของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี โดยเชื่อกันว่ามีการใช้พระมหามงกุฎนี้ในพิธีราชาภิเษกมาจนถึงปี 1220 ก่อนที่จะถูกทำลายไปในช่วงสงครามกลางเมือง ภายหลังจากนั้น พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 ทรงโปรดให้มีการสร้างพระมหามงกุฎนี้ขึ้นมาใหม่ในปี 1661 โดยอิงจากโครงสร้างพระมหามงกุฎเดิมเป็นหลัก แต่ได้มีโหมประโคมอัญมณีมีค่าลงไปเพิ่มเติม เพื่อเสริมความหรูหราอลังการยิ่งขึ้น จนมาเป็นเวอร์ชันที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน
ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ
อ้างอิง: