×

หุ้นกลุ่มพาณิชย์ – มีแรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

25.11.2022
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มพาณิชย์

เกิดอะไรขึ้น:

ยอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์มีแนวโน้มเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง YoY ใน 4Q65TD (เทียบกับเพิ่มขึ้น 6.8%YoY ใน 4Q64 และ 15.8%YoY ใน 3Q65) โดยได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นการบริโภคที่ดีขึ้นดังเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ที่เพิ่มขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน 

 

กิจกรรมทางเศรษฐกิจและรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อสะท้อนเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง (โดยเฉพาะสินค้าอาหารสด) แม้ว่าราคาสินค้าบางรายการ (เช่น เหล็ก) เริ่มปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม เมื่อพิจารณาเป็นรายเดือนพบว่า SSS เติบโต YoY ในอัตราที่เร็วขึ้นในเดือนพฤศจิกายนถึงปัจจุบัน เนื่องจากฝนตกน้อยกว่าเดือนตุลาคม


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


เมื่อแยกตามบริษัท CPALL มีแนวโน้มที่จะรายงาน SSS เติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ระดับ Mid-teen YoY (ส่วนหนึ่งเกิดจากฐานต่ำ เนื่องจากมีการยกเลิกคำสั่งเคอร์ฟิวช่วงกลางคืนในกรุงเทพฯ ตอนสิ้นเดือนตุลาคม 2564 และทั่วประเทศเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564) ตามด้วย CRC (เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY), MAKRO (เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY สำหรับธุรกิจ B2B และตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2C ในประเทศไทย), HMPRO และ GLOBAL (เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY) และ BJC (ลดลงเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY ส่วนหนึ่งเกิดจากการลดลงของยอดขายกลุ่ม B2B ที่ให้มาร์จิ้นต่ำ) 

 

กระทบอย่างไร: 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (SETCOMM) ปรับเพิ่มขึ้น 5.92% MoM ดีกว่า SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 2.08%MoM

 

การคาดการณ์ยอดขายจะเติบโต YoY ต่อเนื่องใน 4Q65-1Q66:

InnovestX Research คาดว่ายอดขายสาขา (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์จะเติบโต YoY ต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจาก 5 ปัจจัย ดังนี้

 

  1. ความเชื่อมั่นการบริโภคที่ดีขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เนื่องจากผลกระทบของโควิดลดลงท่ามกลางอัตราการฉีดวัคซีนระดับสูง และก่อนการเลือกตั้งใน 2Q66 

 

  1. จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน 10M65 นักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวน 162 ล้านคน เพิ่มขึ้น 263%YoY และนักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวน 7.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6,651%YoY 

 

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดใน 10M62 อยู่ 13% และ 78% ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 10 ล้านคนในปี 2565 และ 25 ล้านคนในปี 2566 

 

  1. อีเวนต์ World Cup 2022 ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคม 2565 การสำรวจโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) คาดว่ายอดใช้จ่ายของผู้บริโภค (ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ร้านอาหาร เสื้อผ้ากีฬา ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้า) ในช่วงที่มีอีเวนต์นี้จะอยู่ที่ 1.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากยอดใช้จ่ายในช่วง World Cup 2018 และเพิ่มขึ้น 22% จาก UEFA EURO 2020 

 

  1. แนวโน้มที่จะมีมาตรการลดหย่อนภาษีช้อปปิ้งรอบใหม่ จากข่าวล่าสุด กระทรวงการคลังวางแผนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ภายในวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยจะให้สิทธิผู้เสียภาษีนำรายจ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 มาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท 

 

โดยคาดว่าจะทำให้เกิดเงินหมุนในระบบกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท ผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือย (การใช้จ่ายต่อบิลสูง) มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้มากกว่าผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าจำเป็น ทั้งนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปพบว่ามาตรการลดหย่อนภาษีช้อปปิ้งครั้งแรก (ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15,000 บาท) ในปี 2558 กระตุ้นยอดขายกลุ่มพาณิชย์ได้มากที่สุด 

 

โดยจากการประเมิน มาตรการนี้ช่วยหนุนให้ SSS ของกลุ่มพาณิชย์เติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกโดยเฉลี่ย ~1%YoY โดยกระตุ้น SSS Growth ในประเทศไทยของ CRC ได้มากที่สุดที่ 4%YoY ตามด้วย HMPRO ที่ 3%YoY 

 

  1. มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ลดน้อยลง ตัวอย่างเช่น งบประมาณสำหรับโครงการคนละครึ่งอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565 (เทียบกับ 1.26 แสนล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564) ทั้งนี้ จาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินวงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท พบว่า 99% (1.48 ล้านล้านบาท) ได้รับอนุมัติแล้ว และยังเหลืองบประมาณที่จะเบิกจ่าย 6% (9.2 หมื่นล้านบาท) ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565

 

กลยุทธ์การลงทุน:

InnovestX Research ชอบ CRC (เปลี่ยนมาใช้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF สิ้นปี 2566 ที่ 50 บาท) และ CPALL เนื่องจากคาดว่ากำไรจะเติบโต YoY แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ใน 4Q65 และปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น World Cup และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย 

 

นอกจากนี้ ยังชอบ MAKRO เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นช้าที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และมีปัจจัยบวกกระตุ้นจากการรีไฟแนนซ์หนี้จากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินบาทเสร็จในปี 2566 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นตามเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising