×

“มีความสุขที่ได้ฝ่าฟันทุกอย่างด้วยกัน” เปิดใจ ‘น้องเก๋’ เบื้องหลังความสำเร็จ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

12.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 mins read
  • ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลก 115 ปอนด์ ของสภามวยโลก WBC เดินทางกลับถึงประเทศไทย พร้อมสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการขอแต่งงานกับแฟนสาว น้องเก๋-นางสาวพัชรีวรรณ กัณหา ที่คบหากันมายาวนานกว่า 15 ปี
  • ศรีสะเกษเผยว่า เบื้องหลังความสำเร็จของเขาคือการมีน้องเก๋เป็นกำลังใจสำคัญตลอดมาตั้งแต่เริ่มคบกัน
  • ทั้งคู่ได้ฝ่าฟันอุปสรรค์ร่วมกันมา โดยครั้งหนึ่งศรีสะเกษได้เล่าว่า ไม่มีเงินจนกระทั่งต้องซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากินร่วมกัน โดยจะแบ่งเส้นให้น้องเก๋กิน ขณะที่ตนเองกินเพียงแค่น้ำซุป

     ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์โลกชาวไทยได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางบรรยากาศการต้อนรับจากสื่อมวลชนและแฟนคลับอย่างอบอุ่น

     ศรีสะเกษได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับทุกคนที่มารอรับ ด้วยการคุกเข่าขอแต่งงานกับแฟนสาว น้องเก๋-พัชรีวรรณ กัณหา ที่คบหากันมายาวนานกว่า 15 ปี จนถือว่าเป็นไฮไลต์ของวัน เนื่องจากทั้งคู่ได้ฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตร่วมกันจนมาถึงวันที่ศรีสะเกษป้องกันแชมป์โลกด้วยการเอาชนะน็อก โรมัน กอนซาเลซ อดีตแชมป์โลก 4 รุ่น ชาวนิการากัวเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา

 

 

     ก่อนหน้านี้ศรีสะเกษมักจะให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เบื้องหลังความสำเร็จของเขา นอกจากโค้ชทีมงานผู้ฝึกสอนและโปรโมเตอร์แล้ว คนสำคัญที่สุดอีกหนึ่งคนก็คือผู้ที่ร่วมเดินทางกับเขามาตั้งแต่เริ่มต้น นั่นก็คือ น้องเก๋-พัชรีวรรณ กัณหา แฟนสาววัย 30 ปี

     วันนี้ทาง THE STANDARD ได้สัมภาษณ์แฟนสาวของแชมป์โลกชาวไทย ถึงการเดินทางของทั้งคู่ตั้งแต่เริ่มต้นจนเข้ามาสู่กรุงเทพฯ และก้าวขึ้นสู่แชมป์โลกผู้ยิ่งใหญ่ของไทย

     น้องเก๋เผยว่า ทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่ช่วงมัธยม ขณะนั้นเธออยู่ชั้น ม.4 ศรีสะเกษอยู่ชั้น ม.5 แต่คนละโรงเรียนกัน ซึ่งตอนแรกเป็นเก๋ที่เริ่มติดต่อศรีสะเกษ หรือ พี่แหลม ไปก่อน และเริ่มคุยกันตั้งแต่นั้นมา

     “ตอนแรกนึกว่าจะหน้าตาดีกว่านี้ เห็นทีแรกก็ตกใจ แต่พี่แหลมเป็นคนนิสัยดี เสมอต้นเสมอปลายตลอด พาไปกินข้าวตลอด ซึ่งตอนแรกเราก็งงว่าเอาเงินมาจากไหน ไม่รู้ว่าชกมวย เพราะเก๋ไม่ชอบนักมวย แต่มารู้หลังคบไปหลายเดือนว่าเป็นนักมวย แต่ก็ยังตัดสินใจคบต่อไป”

     หลังจากคบกันมาเกือบปี ทั้งคู่ก็ตัดสินใจเดินทางมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ หลังเรียนจบมัธยมฯ ซึ่งแน่นอนว่าทางบ้านและผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของทั้งคู่ แต่แหลมและเก๋ก็เลือกที่จะเดินทางที่ตนเองตัดสินใจ และต่อสู้ไปด้วยกัน

     “ตอนแรกผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย แต่ด้วยความที่เรารักกันมาก อยากจะสู้ฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่สนใจใคร ก็เลยออกจากบ้านมาทั้งสองคน มาสู้เอาข้างหน้า”

     แน่นอนว่าการเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ย่อมประสบกับความยากลำบากในการหางานทำเพื่อการดำรงชีวิต แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดความมุ่งมั่นของทั้ง 2 คน

     ศรีสะเกษเคยเล่าว่า ทั้งคู่ได้นั่งรถไฟมากรุงเทพฯ โดยมีเงินติดตัวเพียง 500 บาท จนมาถึงกรุงเทพฯ เหลือเงินเพียง 20 บาท งานแรกที่ทำคือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนจะเปลี่ยนงานมาเป็นคนเก็บขยะ เพื่อหาอาหารที่ถูกทิ้งแล้วมากินประทังชีวิต

     ครั้งหนึ่งทั้งคู่เคยต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินกัน โดยแหลมให้แฟนกินเส้นบะหมี่ ส่วนตัวเขาเองกินน้ำซุป ซึ่งเก๋ยืนยันว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ใช่ความลำบาก แต่มันคือความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน

     “ตอนนั้นพี่แหลมก็หางานทำทุกอย่าง ก่อสร้าง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทาสี งานเก็บขยะ แกทำทุกอย่าง ไม่ได้เกี่ยง เพราะเราเป็นลูกชาวนา เวลาทำนามันเหนื่อยกว่านี้อยู่แล้ว”

“คนอาจจะมองว่า การกินมาม่ามันลำบาก อยู่ด้วยกันมันลำบาก แต่ตอนนั้นเราไม่ได้มองเป็นความลำบาก เรามองเป็นความรักของคนสองคนที่อยู่ด้วยกัน อยู่กันด้วยความรัก แค่เราอยู่ด้วยกัน เราก็มีความสุขแล้ว เราไม่ได้มาคิดว่าลำบาก ไม่มีเงิน เราคิดแค่ว่ามีความสุขที่ได้ร่วมกันฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกัน”

 

     โดยเส้นทางการพิสูจน์ความรักของทั้งคู่ถูกตั้งคำถามมาตั้งแต่ต้น เนื่องจาก ศรีสะเกษเองก็เรียนไม่จบ ทำให้หลายคนสงสัยว่าจะไปด้วยกันได้หรือไม่ในเมืองหลวง ด้วยอาชีพนักมวย

     “ตอนที่เราตัดสินใจมากรุงเทพฯ เราไม่ได้หนีออกมา เราขอออกมาพิสูจน์ตัวเอง ตอนนั้นพี่แหลมก็ยังเรียนไม่จบ จะไปทำอะไรกินกัน ชกมวยมันจะไปกันรอดไหม จะคบกันรอดไหม เราเลยตัดสินใจมาหางานทำ และขอพิสูจน์ตัวเอง ทำให้ทุกคนเห็นว่าเราจะอยู่ให้ได้ สู้ให้ได้ ทั้งชกมวยและทำงานด้วย”

     ชีวิตของทั้งคู่ต้องประสบปัญหาทางการเงินมากมาย แต่ทางเก๋ก็ยืนยันว่าพวกเขาไม่เคยไปขอความช่วยเหลือจากใคร และไม่เคยบ่นกับคนอื่นว่าอยู่กันอย่างลำบาก แต่เก๋กลับมองว่ามันเป็นความอดทนของทั้งคู่ที่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน

     “เราต่อสู้มาเพราะเราไม่ได้มองเป็นความลำบาก เรามองเป็นความอดทนของเราสองคนที่อยู่ด้วยกัน ถึงเราไม่มีเงินเราก็หาอะไรกินได้ง่ายๆ เรามีความสุขมากที่เราได้อยู่ด้วยกัน ตอนนั้นขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน นอกนั้นจะอะไรก็ได้”

     โดยตลอดการเดินทางของทั้ง 2 คน แม้ภายหลังจะมีทั้งเงินทองความสำเร็จเข้ามาในชีวิตของศรีสะเกษ เก๋ก็ยืนยันว่าแฟนของเธอไม่เคยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะถ้ามีเรื่องใดก็ตามที่ทำให้เธอไม่สบายใจ ศรีสะเกษก็พร้อมจะตัดทุกเรื่องออกไป โดยทั้งคู่อยู่กันด้วยความเข้าใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมองว่าศรีสะเกษพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ก็คือฝีมือการทำอาหารที่เริ่มทำรสชาติถูกปากเธอมากขึ้นทุกวัน

     “แกดีขึ้นทุกวัน แต่ก่อนแกจะทำกับข้าวไม่เป็น แต่ทุกวันนี้ชอบทำกับข้าว แต่ก่อนอาจจะทำไม่ถูกใจเก๋บ้าง แต่ทุกวันนี้ทำถูกใจมาก มีแต่ดีขึ้นเรื่อยๆ พี่แหลมก็บอกว่ามีแต่เก๋ที่กินแล้วอร่อย มันไม่จริง เพราะคนในค่ายก็ชอบทานอาหารฝีมือพี่แหลมมากเหมือนกัน

     แผนการต่อจากนี้ศรีสะเกษเปิดเผยว่า อยากซื้อบ้านที่นนทบุรีและซื้อรถ หลังจากการวางแผนแต่งงาน เก๋เผยว่าอยากมีลูก 4 คน หากเป็นลูกชายอยากให้โตขึ้นเป็นนักมวยเหมือนพ่อ เนื่องจากนักมวยมีบุคลิกพิเศษคือ พวกเขาเป็นนักสู้ที่ดี ส่วนการทำธุรกิจในอนาคต ศรีสะเกษมองว่าอาจจะเปิดร้านกาแฟที่นนทบุรี ขณะที่แฟนสาวต้องการที่จะกลับไปทำสวนที่จังหวัดศรีสะเกษ

     “อนาคตยังไม่อยากทำธุรกิจ เก๋ไม่ชอบทำอะไรที่คนเยอะ แต่ชอบทำสวนเล็กๆ อยู่กับป่าไม้ อยู่เงียบๆ ถ้ายังชกมวยอยู่ก็คงต้องอยู่นนทบุรีไปก่อน ถ้าช่วงปลายชีวิตจริงๆ ก็อยากไปทำสวนที่บ้านที่ศรีสะเกษ”

     ขณะที่ศรีสะเกษ กำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการโกอินเตอร์ไปชกที่ต่างประเทศของเขาในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ทั้งคู่มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลง แต่เรื่องนี้เก๋ก็ยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เพื่ออนาคตของศรีสะเกษ​

     “ถ้าพี่แหลมไปไกลมาก ประสบความสำเร็จมากก็ยิ่งดี เพราะยิ่งได้เห็นคนรักของเราประสบความสำเร็จ เราก็ยิ่งมีความสุข ไม่ได้ยึดติดว่าเขาเป็นของเรา ต้องอยู่กับเรา มันไม่ใช่ เพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน มันผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราอยู่ในจุดที่เดินตามฝันดีกว่า อยากทำอะไรทำ แต่เราก็ยังอยู่ข้างกันไปตลอด”

     การเดินทางของศรีสะเกษ นักมวยไทยคนหนึ่งที่ผ่านประสบการณ์อันยากลำบากไปสู่ความสำเร็จในวันนี้ นอกจากจะเป็นบทพิสูจน์ว่าความยากลำบากมักผลิตยอดนักสู้ที่ดีแล้ว ความรักของน้องเก๋ซึ่งให้การสนับสนุนตลอดการเดินทางของยอดนักชกคนนี้ยังเป็นการพิสูจน์พลังแห่งความรักที่นักกีฬาคนหนึ่งได้รับ และเขานำมาเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จได้อย่างสวยงาม

     เพราะเมื่อวันหนึ่งที่เราไม่เห็นหนทางข้างหน้า และผู้คนรอบตัวเริ่มหมดความมั่นใจกับหนทางที่เราเลือกเดิน จะมีอะไรดีไปกว่ากำลังใจจากคู่ชีวิตที่เลือกจะไปให้สุดทางสู่เป้าหมายไปพร้อมกับเรา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising