ผมจำผู้หญิงหน้าหวานๆ ที่ชื่อ ‘ศรีริต้า เจนเซ่น’ ได้ตั้งแต่เรียนพ้นชั้นประถมไม่นาน ทั้งในเอ็มวีของนักร้องที่บอกชื่อไปคุณคงรู้หมดว่าผมอยู่ยุคไหน ทั้งเจสัน ยัง, หนุ่ม ศรราม, ไจแอนท์, โบ สุนิตา, นาวิน ต้าร์ ฯลฯ ผมเห็นหน้าเธอในโฆษณาซีบรีซ ลักส์ ฯลฯ ยังจำได้ว่าเธอเคยขึ้นปกนิตยสาร The Boy และอีกหลายฉบับ เคยเห็นเธอเล่นภาพยนตร์และละครอีกหลายเรื่อง
แต่แปลกดีที่ผมกลับรู้จักเธอน้อยเหลือเกิน ผมรู้จักเธอเพียงการเป็นผู้หญิงหน้าหวานมาก เสียงเล็กมาก สวยมากๆ ดูเรียบร้อย เป็นนางฟ้า ขาคงไม่อยู่กับพื้นเพราะมีปีกบินสวยๆ อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งได้มาเห็นเธอในบทบาทการเป็นเมนเทอร์รายการ The Face Thailand Season 4 All Stars ซึ่งขอสารภาพตามตรงว่า ตอนแรกที่ประกาศรายชื่อเมนเทอร์ประจำซีซันทั้ง 6 คน ผมมีความรู้สึกว่าริต้าเป็น ‘ข้อใดไม่เข้าพวก’ เพราะภาพลักษณ์ความบอบบาง ทำให้รู้สึกว่าเธอจะสู้รบปรบมือกับใครได้อย่างไร
จนกระทั่งได้เห็นฝีมือการเป็นเมนเทอร์ของเธอจริงๆ นี่แหละครับที่ทำให้ผมและอีกหลายคนต้องทึ่งในความเป็นนักสู้ที่เด็ดเดี่ยวของเธอ แต่ที่เซอร์ไพรส์และทำให้ชอบเธอยิ่งขึ้นก็ตรงเพิ่งรู้ว่าริต้าเป็นคนตลก จากเดิมที่นึกไม่ออกเลยว่าริต้าจะรับมือกับพี่ลูกเกดอย่างไร กลายเป็นได้เห็นความยียวนกวนโอ๊ย ด้วยการโต้กลับพี่เกดในสไตล์ผู้หญิงโลกสวยวิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ และสิ่งที่เธอทำในรายการกลายเป็น Meme ไปทั่วโซเชียลมีเดีย ยิ่งถ้าไปดูทวิตเตอร์ของเธอ คุณจะได้เห็นความตลกรายวันที่คุณจะนึกไม่ออกเลยว่านี่คือศรีริต้าที่คุณเคยรู้จักจนอยากติดแฮชแท็ก #ริต้าเป็นคนตลก ขึ้นมา
เย็นวันนั้นหลังจากที่ผมดูแคมเปญที่เธอเป็นเมนเทอร์ครั้งแรกจบ ผมนึกในใจว่า (โคตร) อยากคุยกับผู้หญิงคนนี้ชะมัด เธอเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 13 ไม่แน่จริงคงไม่อยู่รอดในวงการนี้มาได้กว่า 23 ปี เธอคงมีหลายเรื่องที่ยังไม่มีโอกาสได้เล่าให้ใครฟัง จนกระทั่งผมได้คุยกับเธอจริงๆ ได้ยิน #เสียงริต้า กับหู และพบว่าสิ่งที่คาดเดาไว้นั้นไม่ไกลเกินความเป็นจริง
อ่านบทสัมภาษณ์กัลยาณมิตรนี้แล้วนึกถึง #เสียงริต้า ไปด้วย เธอจะพาเราไปสำรวจทุ่งลาเวนเดอร์กันครับ
ทราบมาว่ารายการ The Face Thailand ติดต่อไปหลายครั้งแล้ว แต่ริต้าก็ปฏิเสธมาตลอด ทำไมตอนนั้นถึงปฏิเสธ และอะไรทำให้ตัดสินใจรับในครั้งนี้
ในเวลานั้นรู้สึกว่ารูปแบบของรายการไม่ได้เหมาะกับริต้าเลย ริต้าเป็นคนจิกกัดใครไม่เก่ง ต้องไปสู้ ไปดราม่ากับใคร มันไม่ใช่นิสัยริต้าเลย ก็เลยปฏิเสธไป แต่พอมาครั้งนี้เป็น All Stars มีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะผู้เข้าแข่งขันเองก็ได้รับโอกาสอีกครั้งในการแข่งขัน และมี 6 เมนเทอร์ เมนเทอร์แต่ละทีมมาแชร์กันคนละ 6 แคมเปญ ริต้าก็รู้สึกว่าได้แบ่งเบาหน้าที่กัน
ที่สำคัญที่อยากทำคือ มันท้าทายความสามารถมากๆ เพราะริต้าเคยทำมาหลายอย่างแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่เคยทำคือการเป็นเมนเทอร์ ริต้าโชคดีที่ได้รับโอกาสดีๆ แต่ยังไม่เคยตอบแทนกลับไป ถ้าเราสอนคนได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ริต้าอยากทำ ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่เข้าแข่งขัน แต่คนดูก็ได้ประโยชน์ด้วย
ริต้าไม่ชอบการจิกตีกับคนอื่น แต่ต้องมาอยู่ในสนามที่ฟาดฟันกันด้วยฝีมืออย่างเดียวไม่พอ ต้องขยี้ดราม่าเพื่อให้ได้อรรถรส และยังต้องรับมือกับการถูกถล่มในโซเชียลมีเดียอีก คนที่ดูรักสงบอย่างริต้ารับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างไรครับ
ในเมื่อเราทำมาหลายอย่าง แล้วเราจะกลัวอะไร ถึงริต้าเป็นคนที่ไม่ค่อยสู้กับใคร แต่อย่ามาทำอะไรก่อน ริต้าก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถ้ามีคนมารังแก เราก็ต้องปกป้องตัวเอง ถ้าเขามาตบ เราก็คงไม่มาร้องไห้แบบในละครใช่ไหม (หัวเราะ) ถ้ามีคนมาด่า เราก็ต้องปกป้องตัวเอง ถูกไหมคะ ริต้าไม่เคยด่าใครก่อนเลย แต่ถ้าจะต้องไปปะทะกับเขา ริต้าก็มีวิธีของเราที่มันซอฟต์ๆ
มีคนถามริต้าว่ามารายการ The Face Thailand กลัวเมนเทอร์คนไหนที่สุด ริต้าบอกว่าไม่กลัวใครเลย และริต้าอยากอยู่กับใครที่สุด ริต้าบอกว่าใครก็ได้ ถ้าจะกลัวที่สุดก็คือกลัวตัวเอง สุดท้ายแล้วตัวเราเอง ปากของเราเอง การกระทำของตัวเราเองนี่แหละที่เราต้องระวังที่สุด
ริต้ากลัวจะเป็นเมนเทอร์ที่ไม่ดี นี่คือสิ่งที่ริต้ากลัวที่สุด เพราะฉะนั้นพอเรากลัวแบบนี้ปุ๊บ เราก็จะยิ่งหาข้อมูลมาพัฒนาตัวเอง ให้เด็กเขาเก่งอย่างที่เราอยากให้เขาเป็น เป็นให้เท่าเรา หรือเป็นได้มากกว่าเรา อีกอย่างที่ริต้ากลัวคือ กลัวเราทำให้รายการไม่สนุก เราก็จะยิ่งกลับมาคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้รายการออกมาสนุก ให้คนดูมีความสุขและได้ความรู้กลับไป นั่นคือเป้าหมายของริต้าเลย
ในฐานะเมนเทอร์ใหม่แกะกล่อง จุดแข็งและจุดอ่อนของริต้าในการเป็นเมนเทอร์คืออะไร
จุดอ่อนนี่คนจะเห็นเยอะ ด้วยความที่เสียงริต้าเป็นแบบนี้ มันแก้ไม่ได้ และริต้าก็มีความอ่อนหวาน บทที่เล่นละครมาก็เป็นนางเอกร้องไห้โดนทำร้าย ภาพของริต้ามันก็เลยเป็นแบบนั้น แต่จุดแข็งของริต้าที่ทุกคนไม่รู้คือ ริต้าเป็นคนที่ทำอะไรก็อยากทำให้ดี เป็นคนละเอียดมาก อย่างการทำธุรกิจของริต้า ริต้าก็คุมเองทั้งหมด มีพนักงาน 40 กว่าคน สร้างแบรนด์มาตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย จนตอนนี้ธุรกิจเติบโตมากขึ้นแล้ว รายละเอียดทุกอย่างมันเยอะไปหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ริต้าไม่เคยได้ถ่ายทอดออกมาว่าเรามีส่วนนี้ คนเห็นเราผ่านหน้ากล้อง แต่ไม่เคยเห็นเราในฐานะผู้บริหารงานต่างๆ
มาเป็นเมนเทอร์ที่ต้องสอนคนมันเหมือนเดจาวูที่ได้เห็นตัวเราเองสมัยทำงานในวงการบันเทิงใหม่ๆ ไหมครับ
ริต้าเห็นตัวเองมากๆ เลยค่ะ ก่อนที่จะมาเป็นเมนเทอร์ ริต้าก็ทำการบ้านก่อน โดยการย้อนดูทุกซีซันที่ผ่านมา เขาเล่นเกมกันแบบไหน แต่ดูทั้งหมดแล้วไม่มีอันไหนที่เป็นตัวเราเลย เพราะฉะนั้นเราก็เป็นตัวเราแบบนี้นี่แหละ ริต้าจริงๆ เป็นคนตลก เป็นคนเฮฮาสนุกสนาน เวลาเล่นก็เล่น แต่เวลาทำงานก็จริงจัง
ซึ่งมุมนี้เป็นมุมที่น่าเซอร์ไพรส์มาก เพราะ The Face Thailand ริต้ามีทั้งความเป็นนักสู้ มีความตลก มีความกวน มีลูกบ้าในแบบของคุณ และยิ่งไปดูโซเชียลมีเดียของริต้าแล้วเรายิ่งเซอร์ไพรส์ที่ริต้าชอบโพสต์อะไรตลกๆ อยู่ตลอด จู่ๆ ก็มาอวยพรให้คนถูกหวย หรือชอบมีแฮชแท็กตลกๆ ออกมากัดตัวเองบ้าง ทำไมภาพเหล่านี้เราถึงไม่เคยได้เห็นจากคุณเลยจนกระทั่งมีรายการนี้ขึ้นมา
เวลาที่เราจะต้องอ่อนหวานเราก็ต้องอ่อนหวาน เวลาที่เราจะต้องแข่งขันเราก็ต้องแข่งขัน เวลาที่เราจะต้องสู้เราก็ต้องสู้ แค่ริต้าแบ่งเวลาของมันชัดเจน ที่ผ่านมาริต้าอาจจะยังไม่ได้มีโอกาสได้แสดงความเป็นตัวเอง เวลาที่อยู่กับคนอื่นริต้าก็จะแสดงความอ่อนหวานออกมา เพราะริต้าเป็นคนไทยก็ต้องอ่อนหวาน และริต้าก็ชอบเป็นแบบนี้ แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนจริงๆ ริต้าก็เป็นคนสนุกสนานเฮฮา พอถึงเวลาทำงานก็ทุ่มสุดชีวิต ซึ่งคนอาจจะไม่ได้เห็นเท่านั้นเอง ซึ่งมุมเหล่านี้พอมันไปอยู่ในรายการ The Face Thailand คนก็เลยเห็นมากขึ้น
รายการนี้ได้ดึงเอาศักยภาพบางอย่างของริต้ามาใช้ บางอย่างก็ผิดพลาดนะคะ ไม่ใช่ว่าริต้าทำได้ดีตลอด มันจะมีสถานการณ์หลายอย่างที่บีบบังคับให้เราต้องใช้สติ ทุกแคมเปญที่เข้ามามันวัดไหวพริบของเราหมดเลย เมนเทอร์คนอื่นๆ ก็ยังออกมาวัดไหวพริบของเราด้วย ซึ่งเขาก็จะไม่บอกเราก่อน เขาก็อยากให้เราดูเอ๋อ ดูโง่ ทำอะไรไม่ถูก บางทีเราก็ถูกรังแก ถูกทำร้าย พอมันบีบบังคับให้เราต้องสู้แล้วเราสู้ได้ คนก็คงแปลกใจที่เห็นเราในมุมนี้เหมือนกัน
อย่างที่ริต้าบอกพี่เกดว่า “พี่เกดมาเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์กับริต้าสิคะ” นั่นคือริต้าคิดเป็นเรื่องตลก มองทุกอย่างเป็นแง่ดี เขาคงไม่คิดร้าย เขาคงรักเรา (หัวเราะ)
ทวิตเตอร์ของริต้ามันเหมือนเป็นที่ระบาย มันเป็นสิ่งที่ริต้าทำอยู่แล้ว แต่คนดูในทวิตเตอร์กับอินสตาแกรมก็มีความแตกต่างกัน ทวิตเตอร์สำหรับริต้ามันเหมือนการโพสต์เล่น โพสต์ทิ้ง เป็นการระบาย บางทีเมื่อกี้ไปเจอช่างแต่งหน้าพูดอะไรมาแล้วตลกดีก็จะโพสต์เก็บไว้หน่อย พี่ๆ ช่างหน้าช่างผมทั้งหลายก็จะเป็นเกย์ กะเทย ซึ่งริต้าชอบมาก อยู่กับเขาแล้วมีความสุข ริต้าชอบหัวเราะ ชอบคนที่มีความสุข สนุกสนาน และตลกอยู่แวดล้อมเสมอ เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นมุมที่เราอยากถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับความสุขนี้ไปด้วยผ่านทวิตเตอร์
คำพูดที่เจ็บที่สุดที่ริต้าเคยเจอมาคืออะไรครับ
พอเราโตมากๆ มันไม่มีอะไรทำให้เราเจ็บได้แล้วค่ะ สำหรับริต้า ไม่มีอะไรทำให้เราเจ็บได้นอกจากตัวเราเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราดูแลตัวเองให้ดี มีสติ ระวังคำพูด มันก็ไม่มีใครทั้งนั้นจะมาทำอะไรเราได้
แล้วเวลาริต้าโดนรังแก มีวิธีการสู้กลับแบบริต้าอย่างไรครับ
มีบางครั้งที่ริต้าโมโหจริงนะคะ ยอมรับ ริต้าก็เป็นคนคนหนึ่ง ถ้ามาว่าเด็กเราแบบนี้เราก็ต้องปกป้อง เมนเทอร์คือคนที่มีความรู้ มีความเข้าใจ แล้วก็มาสอน ถูกไหมคะ แต่สิ่งที่ริต้าเพิ่งได้มาเรียนรู้จริงๆ ตอนเป็นเมนเทอร์เอง คือริต้าได้รู้จักคำว่า ‘ปกป้อง’ มันมาเองโดยอัตโนมัติ เราอยากปกป้องทีม และเราจะอยากชนะเพื่อปกป้องทีมของเราด้วย
เวลาชนะเรามีความสุขนะคะ แต่สุขได้แป๊บเดียว เพราะวันรุ่งขึ้นริต้าต้องเข้าห้องดำและต้องตัดใครออก ริต้ารู้สึกเหมือนเราต้องไปตัดอนาคตของเด็ก
ซึ่งเด็กคนนั้นครั้งหนึ่งก็เคยเป็นเหมือนริต้าที่ยืนให้คนอื่นตัดสิน
ใช่ค่ะ มันหนักมาก แต่รายการต้องการทำให้คนได้พัฒนาศักยภาพ บางครั้งการจะพัฒนาศักยภาพได้อาจจะมาจากความกลัวเกิดขึ้นก่อน เราต้องทำให้เขาพัฒนาตัวเอง ถ้าคุณยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ คุณก็ต้องสู้ แล้วถ้าเราไม่ตัด เราจะแข่งกันให้เหนื่อยเพื่ออะไร สุดท้ายเราก็ต้องยอมตัดใครคนหนึ่งออก ซึ่งมันไม่ได้สนุกเลยสำหรับริต้า แต่มันต้องทำ และคนดูก็อินมาก พอตัดใครออก เขาก็จะหาว่าริต้าใจร้ายมาก (หัวเราะ) เวลามีอุปสรรคเข้ามามันจะดึงทั้งส่วนที่ดีและไม่ดีของเราออกมา แต่สุดท้ายออกมาเราก็ถือว่ามันคือตัวตนของเรา
บริหารทีมสไตล์ริต้าเป็นอย่างไรครับ มีอะไรที่เราไม่ได้เห็นในหน้าจอแล้วเป็นสิ่งที่ริต้าทำเพื่อทีมบ้าง
การทำงานมันต้องสนุกกับงาน มันเป็นวิสัยทัศน์ของริต้าอย่างหนึ่ง ริต้ามาทำงานทุกวันนี้ได้ก็เพราะสนุกกับมัน คุณพ่อสอนมาตั้งแต่เด็กว่าเราต้องรักในสิ่งที่ทำ ต้องสนุกกับมัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ริต้าทำตลอดคือ ทำให้เด็กสนุก ไม่ต้องไปสนใจแพ้ชนะ ริต้าบอกเด็กๆ ตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำว่า วันนี้อย่าเพิ่งคิดว่าใครจะไปไฟนอลวอล์ก ห้ามเด็ดขาด อย่าคิดแม้กระทั่งเอาชนะ ให้คิดว่าวันนี้เราจะมาทำอะไรที่มันสนุกมากๆ กัน คิดถึงวันนี้วันเดียว วันหน้ามันจะมาเองถ้าเราทำวันนี้ได้ดีที่สุด
ที่ริต้าต้องพูดถึง ‘วันนี้’ ก็เพราะว่าริต้าอยากให้เด็กได้แสดงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาให้คนดูได้เห็น ถ้าคนดูได้เห็นศักยภาพของเขา คนดูก็จะรักเขา ดึงศักยภาพออกมาให้หมด ให้มันล้นทะลักไปเลย เพราะฉะนั้นเป้าหมายของเขาจะไม่ใช่ไฟนอลวอล์กแล้ว เป้าหมายคือคุณมีงานในวงการบันเทิงนี้แน่นอน ซึ่งมันจะยาวนานเพราะคุณได้ใจคนดูแล้ว จบ The Face Thailand ไป จะได้ไปไฟนอลวอล์กหรือไม่ก็ตาม คนดูก็รักคุณ และคุณก็มีงานแล้ว
ด้วยความที่ทุกคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ต้องมาทำงานด้วยกัน ทั้งตัวเมนเทอร์ 2 คนเอง และผู้เข้าแข่งขันในทีม ริต้ามีวิธีจัดการอย่างไรให้ทุกคนกลายเป็นทีมเดียวกันได้ รวมพลังกันได้
ริต้ากับบีเราไม่สนิทกันเลย พูดอย่างไม่อายเลย เราอยู่กันคนละช่อง เจอกันครั้งล่าสุด พ.ศ. อะไรก็ไม่รู้ แฟชั่นโชว์ก็เฉียดๆ กันไปมา Common Friends ก็ไม่มี มันไกลกันมาก พอเราได้จับคู่กับคนที่เราไม่สนิท เราต้องใช้เวลารู้จักกันให้เร็วที่สุด วันนั้นที่จับฉลากได้คู่กันแล้วเราดูอึกอัก ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร มันคือเรื่องจริง การที่เขาทำหน้าแบบนั้นมันเครียดมากนะคะ (หัวเราะ) ริต้าถามบีว่า “Are you ok?” ริต้าบอกเลยว่า “It’s meant to be” บีก็ถามกลับมาว่ายังไง ริต้าก็บอกว่า ยูลองดูสิ ทุกคนแมตช์กันหมดเลย ของเราก็แมตช์กัน โม้ไปก่อน (หัวเราะ) แต่พอกลับบ้านไป ริต้านอนไม่หลับ ก็เลยเมสเสจหาบีว่ากินข้าวกันหน่อยไหม วันแรกก็ยังเกร็งๆ อยู่ (หัวเราะ) มันก็ต้องใช้เวลาแหละค่ะ
แต่สิ่งที่บีเหมือนริต้าคือ เขาเป็นคนอ่อนโยน เป็นคนชอบทำบุญ ริต้าชอบบีที่เขาแฟร์และตรง แต่ตอนแรกเขาระวังตัวกับริต้ามากเลยนะคะ โชคดีที่เราเปิดรับกันทั้งคู่ว่าเราต้องดูแลลูกทีมด้วยกัน เราจะจูงมือกันไปต่ออย่างไร เราจะทำความรู้จักกันอย่างไรให้เร็วที่สุด ริต้าก็เลยขออนุญาตบีไปดูในวันแข่งแคมเปญแรก แต่ริต้าให้เกียรติบีเลย วันนั้นไม่ออกคอมเมนต์ใดๆ เพราะมันเป็นแคมเปญของบี พอริต้าได้ไปเห็นวิธีการสอนของบี ได้รู้จักทีมงานมากขึ้น ได้รู้ว่าจะใช้ชีวิตในรายการอย่างไร เขาทำงานกันอย่างไร เห็นป้าตือคอมเมนต์ด้วยว่าเป็นยังไง (หัวเราะ) อย่างน้อยได้รู้ก่อนว่ามันจะเป็นประมาณนี้ และถ้ามันทำให้เราได้รู้จักบีมากขึ้นด้วย ริต้าก็อยากทำ
โดยปกติแล้วเรามักจะเลือกคนที่ใกล้เคียงกับเรา แต่ในการบริหารงาน ทีมที่แข็งแกร่งควรจะประกอบด้วยคนที่แตกต่างจากเรา หรือมีในสิ่งที่เราไม่มีเพื่อเสริมจุดเด่น ลบจุดด้อยซึ่งกันและกัน ผมก็คิดว่าการได้คนที่แตกต่างกันไปเลยของริต้ากับบีน่าสนใจอยู่เหมือนกันนะครับ ในมุมนี้ ริต้าคิดว่าความแตกต่างที่มีอยู่ในทีมทั้งในแง่เมนเทอร์และลูกทีมช่วยฟอร์มทีมบี-ริต้าออกมาอย่างไรครับ
วิธีการสอนเราอาจจะต่างกัน แต่สิ่งที่ริต้าเห็นจากบีคือ ในฐานะเมนเทอร์เขาจะมีความจริงจัง เต็มที่กับการทำงาน เขาเป็นคนเก่งคนหนึ่งเลยค่ะ ยอมรับ เวลาเราทำแคมเปญเราอาจจะแยกกัน แคมเปญใครแคมเปญมัน แต่ริต้าพบว่าสิ่งสำคัญมากคือการส่งไม้ต่อระหว่างแคมเปญ ริต้ากับบีทำแคมเปญเสร็จก็จะต้องโทรบอกกันและกันเลย ต้องเล่าให้รู้เท่าทันกันหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เราจะไปตัดสินจากสัปดาห์ก่อนไม่ได้ เพราะมันต่างกรรม ต่างวาระ เราก็ต้องมองวาระปัจจุบันเป็นสำคัญ
ปกติแล้วเวลาเราทำงานบริหาร เราต้องรู้จุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่ง อยากให้ริต้าช่วยวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของทีมคู่แข่งหน่อยครับ
จุดอ่อนนี่ริต้าวิเคราะห์ไม่ได้จริงๆ เพราะไม่ได้คลุกคลีกับเขา เวลาแข่งแคมเปญเราจะเอาเวลาไปโฟกัสแต่ทีมของเราเอง แต่สิ่งที่ริต้าเห็นชัดมากคือจุดแข็งของแต่ละทีม อย่างทีมคริสกับพี่ลูกเกด พี่ลูกเกดเขาก็เก่งอยู่แล้ว เขาเป็นปรมาจารย์ เป็นไอดอลของริต้า เขาเข้าใจรายการนี้ได้ดีมากๆ เขารู้ว่าคนดูต้องการอะไร เขาเก่งมากๆ ริต้าขอชม ส่วนคริส ริต้าได้ดูเขาตั้งแต่ซีซัน 2 เขามีไหวพริบ เก่งในเรื่องวาทศิลป์มากๆ ส่วนทีมพลอยกับพี่พิม ริต้ามองว่าเป็นเคมีที่ลงตัวมาก เวลาที่อยู่ด้วยกันเขาดูน่ารักกันมากๆ ริต้ารู้อยู่แล้วว่าพี่พิมเก่ง ตอนที่รายการติดต่อพี่พิมกับริต้าไปพร้อมกัน ริต้ายังบอกกับพี่พิมเลยว่า ถ้าพี่พิมรับ ริต้าก็รับนะคะ เพราะพี่พิมเป็นผู้หญิงมากความสามารถมากๆ และเป็นไฟเตอร์ของจริง
คำว่า ‘โลกสวย’ สำหรับริต้าหมายถึงอะไรครับ
ริต้าคิดว่าชีวิตนี้เกิดมาเราเลือกได้ เราเลือกที่จะมีความสุขได้ เราเลือกที่จะทุกข์ได้ เพราะฉะนั้นแล้วริต้าเลือกที่จะสุขดีกว่า เลือกที่จะสุข คนก็จะบอกว่า ‘อีนี่โลกสวย รำคาญ!’ แต่ริต้าคิดว่ามันคือสิ่งที่เราเลือก เราอยากที่จะมีความสุข เราอยากที่จะแบ่งปันรอยยิ้ม ความตลก และสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น พอเรามีความสุขแล้ว เรามีโอกาสที่จะมอบสิ่งดีๆ ให้คนเยอะมากมาย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ริต้าทำอยู่ตลอด
คนโลกสวยอย่างริต้ามีด้านที่รู้สึกว่าโลกไม่สวยบ้างไหมครับ
ริต้าก็มีมุมเครียดจากการทำงานเหมือนกันนะคะ นอนไม่หลับเพราะงานก็มี ไม่ใช่ว่าโลกสวยแล้วอะไรทุกอย่างจะดีไปหมดก็ไม่ใช่ ริต้าบอกเลยว่าหลายครั้งทำงานแล้วนอนไม่หลับ เพราะเราจริงจัง อยากให้งานออกมาดี แต่ไม่ว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ดี เราก็ต้องเลือกด้านที่ทำให้เรามีความสุขได้ในทุกโมเมนต์ มันเครียดก็อย่าให้มันอยู่กับเรานานมาก บางทีตอนริต้าทำธุรกิจเจอปัญหาที่มาเป็นมรสุมพร้อมกัน ตอนแรกริต้าก็เครียดมาก แต่มาตอนหลังริต้ามองว่าปัญหามันไม่ใช่ปัญหา ปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ปัญหามีไว้เพื่อแก้ไข พอเราแค่มองแบบนี้ได้ เราก็จะอยู่กับมันได้
ริต้าเชื่อคำว่า ‘Mindset’ มันเป็นคำที่สำคัญมากและริต้าใช้กับลูกทีมของตัวเอง บางครั้งริต้าไปทำแคมเปญ ลูกทีมมีความบอบช้ำมากเพราะพ่ายแพ้มาติดกัน หรือโดนเมนเทอร์ทีมอื่นบอกว่าจะทุบให้ไม่เหลือ เด็กก็มีความรู้สึกว่าแพ้มาหลายครั้งแล้วเราต้องแพ้อีก และต้องโดนทุบแน่ๆ เลย เรากลับมาในสภาพนี้ก็ต้องเปลี่ยน Mindset เขา คำนี้เป็นคำที่มีพลังมาก มันคือแค่คลิกเดียวเอง เราจะมองว่ามันเป็นเรื่องเครียดก็ได้หรือมองเป็นอีกแบบก็ได้ นั่นคือวิธีการที่ริต้าเปลี่ยนเกมของรายการ
ริต้าทำงานในวงการบันเทิงมานาน มีทั้งคนที่เคยดังกว่าริต้าแต่ก็หายไปแล้ว มีทั้งคนหน้าใหม่เข้ามาแต่ริต้าก็ยังอยู่ได้อย่างมั่นคงจนถึงปัจจุบัน ริต้าเอาตัวรอดมาได้อย่างไรในวงการที่มีการผลัดใบสูงมากแบบนี้ครับ
ริต้ายังไม่รู้เลยค่ะ วงการนี้มันเป็นอะไรที่ Tricky มากๆ เลย ริต้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการที่รับ The Face Thailand จะทำให้คนกลับมาสนใจริต้า มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย
คนเราเวลาที่มีโอกาสอะไรเข้ามา เราไม่รู้หรอกค่ะว่ามันจะดีหรือไม่ดี แต่เมื่อมันมีโอกาสเข้ามาแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือรับโอกาสนั้น แล้วทำมันให้ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ริต้าบอกเด็กๆ ในทีมทุกคนว่า ตั้งใจนะ โอกาสมันไม่ได้เดินกลับมาให้เราเป็นครั้งที่สอง บางทีตอนนี้เขากำลังดังอยู่ สปอตไลต์ส่องมาที่เขา แล้วเขาไม่เห็นคุณค่ามัน ไม่เอาบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่โอกาสนั้นมันไม่ย้อนกลับมาให้คุณแล้ว ถ้าไม่ตั้งใจก็อย่ามานั่งเสียดายทีหลัง
มันก็เหมือนการที่ริต้าตัดสินใจมารับหน้าที่ในครั้งนี้ แน่นอนมันมีความกลัว มันแปลกใหม่ มันท้าทาย แต่ถ้าเราไม่คว้าโอกาสนี้ เราคงมานั่งเสียใจทีหลังแน่ๆ เลย แต่ผลออกมามันเกินความคาดหมายมาก เพราะริต้าไม่เคยคิดว่ากระแสมันจะดีขนาดนี้ ริต้าก็ถือว่ามันเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ และก็ขอบคุณที่คนเห็นความสามารถของริต้า
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่เคยเกิดขึ้นกับริต้าคืออะไร
ริต้าคิดว่าเราโชคดีมากนะคะ เรามีชื่อเสียง หาเงินได้ อยู่ท่ามกลางคนน่ารัก ได้รับโอกาสหลายอย่าง ริต้ามองสิ่งเหล่านี้ทุกวันและพบว่ามันคือความโชคดีในชีวิต แต่มีคนอีกมายที่ไม่ได้รับโอกาสแบบนี้ เราถึงพยายามที่จะถ่ายทอดโอกาสเหล่านี้ให้เขากลับไป