ศรีลังกาเข้าใกล้การผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรต่างประเทศวงเงินสูงถึง 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ประสบปัญหาในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจจากเงินเฟ้อที่เร่งตัว และการขาดแคลนเงินดอลลาร์เพื่อนำเข้าสินค้า
ระยะเวลาผ่อนผันการชำระหนี้ (Grace Period) มูลค่า 78 ล้านดอลลาร์ของศรีลังกาจะสิ้นสุดลงในวันนี้ (18 พฤษภาคม) โดยหากศรีลังกาไม่สามารถชำระหนี้ได้ทันเวลาก็จะต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรก นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรในปี 1948
ราคาพันธบัตรของศรีลังกาได้ดิ่งลงอย่างรุนแรงจนใกล้แตะระดับ 60 เซนต์ ขณะที่รัฐบาลได้ประกาศตั้งแต่เดือนที่ผ่านมาว่าจะระงับการจ่ายหนี้ต่างประเทศเป็นการชั่วคราว
รานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของศรีลังกา ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีคลัง ซึ่งจะต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศในการเจรจาขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
วิกรมสิงเหให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ประเทศกำลังจะเผชิญกับการขาดแคลนพลังงาน เนื่องจากไม่มีเงินดอลลาร์เพื่อนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะเดียวกันยังยอมรับว่ารัฐบาลของเขาอาจจำเป็นต้องพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อนำมาจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งจะยิ่งทำให้ภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่ปัจจุบันสูงเข้าใกล้ระดับ 30% ดูจะเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
ในเดือนที่ผ่านมาศรีลังกาประกาศว่าจะระงับการชำระหนี้ต่างประเทศเป็นการชั่วคราว โดยระบุว่าต้องสำรองเงินตราต่างประเทศไว้เพื่อนำเข้าสินค้าที่จำเป็น เช่น เชื้อเพลิง ส่งผลให้ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของศรีลังกาลงสู่ระดับ C ซึ่งเป็นระดับขยะ ขณะที่ S&P ก็ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของศรีลังกาลงสู่ระดับ CC ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด
ปัจจุบันศรีลังกากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศเพื่อนำเข้าสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง อาหาร และยา ซึ่งสร้างความโกลาหลจนทำให้ประชาชนต้องออกมาประท้วงขับไล่รัฐบาลก่อนหน้านี้
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP