วันนี้ (15 พฤษภาคม) ที่ห้องประชุม Grand Hall 202-203 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ SUBCON Thailand 2024
โดยเศรษฐากล่าวตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันโลกของเราอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน หลายเรื่องของสถานการณ์โลกเป็นเรื่องที่เปราะบาง ทั้งสงครามการค้าระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐอเมริกา และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน หรือแม้กระทั่งฮามาสกับอิสราเอล แต่ยืนยันว่าประเทศไทยมีการดำเนินการนโยบายความเป็นกลางมาโดยตลอด
เศรษฐากล่าวว่า จุดยืนทางด้านการเมืองที่เราไม่เป็นคู่ขัดแย้ง เป็นผู้ที่สนับสนุนให้มีความสงบในทุกภูมิภาค ส่งผลในเชิงบวกอย่างมหาศาลให้กับภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย เพราะเรามีมาตรการสนับสนุนภาษีที่เราไม่เป็นสองรองใคร รวมถึงเรื่องพลังงานสะอาดที่ใช้ในการผลิต ซึ่งหากนักลงทุนต่างชาติย้ายฐานการผลิตมาเราก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร พร้อมอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ รวมถึงการขนส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศ
เศรษฐากล่าวอีกว่า เราไม่ได้มอง 3 ปี หรือ 5 ปี แต่เรามองไปถึง 10 ปี และ 20 ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงการแลนด์บริดจ์ที่ถือเป็นโครงการใหญ่ มั่นใจว่าผลตอบแทนในการลงทุนจะเหมาะสมและมีความมั่นคง ทำให้ประเทศเราสามารถเป็นจุดที่มีการเปลี่ยนผ่านสินค้าไปได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม กฎหมายระหว่างประเทศเรื่องภาษีเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้การขนถ่ายสินค้าและการซื้อขายสินค้าทั่วโลกสูงขึ้น ฉะนั้นการขนส่งทางเรือถือเป็นการลงทุนที่ถูกที่สุด และจะมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เศรษฐายังกล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ด้วยว่า เราไม่ได้เป็นคู่แข่ง แต่เราเป็นตัวเสริมให้กับระบบการผลิตทั่วโลก แม้การลงทุนวันนี้จะประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูง แต่มั่นใจว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน เหนือสิ่งอื่นใด ความเป็นกลางของประเทศไทยในการดำเนินนโยบายทางการทูตไม่ได้เอียงไปชาติใดชาติหนึ่ง ทำให้เขามีความสบายใจในการที่จะมาลงทุนและสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย
“ถ้ามีใครทะเลาะกับใครก็มั่นใจว่าประเทศนี้จะให้ความยุติธรรมในการขนถ่ายสินค้าของเขาไปทั่วโลก การลงทุนตรงนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ให้ประโยชน์ไม่ใช่แค่การค้าอย่างเดียว แต่จะเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง มีความเป็นกลาง เป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียได้ ถ้าเกิดใครจะมาทะเลาะกับใครเราไม่สนใจ เราค้าขายอย่างเดียว เราอยากให้ประเทศไทยมีความมั่นคงตรงนี้ เราอยากให้นักธุรกิจและนักอุตสาหกรรมทุกท่านที่มาลงทุนมีความสบายใจ เรายืนยันว่าแลนด์บริดจ์จะเป็นโครงการที่สำคัญมากกว่าการซื้อเรือดำน้ำหรือเครื่องบินก็ตามที” เศรษฐากล่าว
เศรษฐากล่าวอีกว่า การเจรจากับผู้ผลิตค่ายรถยนต์ EV หลายรายกำลังใกล้จะมีความสำเร็จแล้ว โดยตั้งเงื่อนไขให้มีการชิ้นส่วนผลิตในประเทศไทย ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขอให้มั่นใจว่าที่ตนพูดทุกเวทีว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการลงทุน แม้ส่วนลึกของหัวใจทุกท่านมีความกังวลว่าต่างชาติจะเข้ามายึดครอง ยืนยันว่าเราพัฒนาควบคู่กันไป ช่วยภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่นและอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของประเทศไทย เพื่อให้มีการเจริญเติบโตไปคู่กับประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว
ทั้งนี้ งาน SUBCON Thailand 2024 จัดขึ้นเพื่อชูศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อและรับช่วงการผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยรวบรวมผู้ผลิตและผู้ซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ โดยมีกิจกรรมสำคัญคือการนำเสนอทิศทางของอุตสาหกรรม EV รวมถึงแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศจากค่ายรถยนต์ EV รายใหญ่ที่ลงทุนในไทยคือ BYD, MG, Great Wall Motor, NETA, CHANGAN, GAC Aion และ Chery