×

เศรษฐา-มาครง แถลงร่วมกระชับความสัมพันธ์ ชวนฝรั่งเศสร่วมเป็นหุ้นส่วนลงทุนด้านการบิน ส่งเสริมแฟชั่นไทย

โดย THE STANDARD TEAM
12.03.2024
  • LOADING...

วานนี้ (11 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ณ ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส แถลงข่าวร่วมกัน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

 

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้กล่าวโดยสรุปว่า ทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกันทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการมุ่งมั่นเพื่อรับมือประเด็นความท้าทายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสุดท้ายจะทำให้ความสัมพันธ์ทั้งทวิภาคีและพหุภาคีเกิดเป็นสันติภาพและความมั่นคงในโลก 

 

ขณะที่นายกรัฐมนตรีไทยระบุว่า สาธารณรัฐฝรั่งเศสนับเป็นประเทศแรกที่มีการเยือนทวิภาคีอย่างเป็นทางการในยุโรปนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ขอยินดีกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน Paris 2024 ของฝรั่งเศส หวังว่าฝรั่งเศสจะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งสถานที่ฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬาไทย รวมถึง Thai House ที่ไทยวางแผนจะจัดแสดงมวยไทย แฟชั่น และอาหารไทย

 

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวเชิญประธานาธิบดีฝรั่งเศสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 340 ปีของความสัมพันธ์ระหว่างกัน และครบรอบ 170 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2569 ซึ่งไทยและฝรั่งเศสมีสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ จุดยืน และวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศที่คล้ายคลึงกัน โดยมี 4 พื้นฐานสำคัญที่มุ่งสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน คือ 

 

  • ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยาวนานกว่า 300 ปี
  • ทั้งสองประเทศให้คุณค่าแก่ค่านิยมสากลในหลายเรื่อง เช่น การส่งเสริมประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมทางเพศ และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 
  • มีจุดยืนร่วมในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคง สร้างสมดุลทางยุทธศาสตร์ท่ามกลางการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ 
  • รัฐบาลไทยและฝรั่งเศสมีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะสร้างเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแถลง 8 วิสัยทัศน์เพื่อจุดพลังศักยภาพประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค รวมถึงเชิญชวนบริษัทชั้นนำด้านการบริหารจัดการท่าเรือของฝรั่งเศส พิจารณาการลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย พร้อมกันนี้ยังได้ชื่นชมฝรั่งเศสที่มุ่งขจัดความยากจนไปพร้อมกับการอนุรักษ์โลก และเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายสังคมคาร์บอนต่ำของไทย

 

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า หากการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป (FTA) เสร็จสิ้นได้ภายในปี 2568 มูลค่าการค้าและการลงทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยไทยยังได้ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงขอเข้าเป็นสมาชิก OECD ซึ่งจะมีส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานด้านเศรษฐกิจของไทยที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอีกด้วย



ขอหนุนอุตสาหกรรมการบินของไทย-ยกเว้นวีซ่าเชงเก้น

 

นายกรัฐมนตรียังได้เชิญชวนฝรั่งเศสร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมการบินของไทยที่จะจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์สำหรับเฮลิคอปเตอร์แอร์บัสในจังหวัดลพบุรี เพื่อเป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาค

 

ทั้งนี้ หวังที่จะร่วมมือกับฝรั่งเศสแลกเปลี่ยนครูและนักเรียนระหว่างกันเพื่อพัฒนาโครงการด้านการออกแบบแฟชั่นและผ้าไหมไทย ร่วมกับสถาบันแฟชั่นชั้นนำของฝรั่งเศส ร่วมมือกับแบรนด์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำของฝรั่งเศสในการนำสินค้าแฟชั่นไทยเข้าสู่ตลาดฝรั่งเศส ส่งเสริมภาพยนตร์ไทยในงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ รวมถึงสนับสนุนในเรื่องการยกเว้นวีซ่าเข้าเขตเชงเก้นให้แก่คนไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน 

 

ชวน LVMH Group ลงทุน ใช้เทคโนโลยีส่งเสริมผ้าไทย

 

ที่ร้าน Dior สาขา Avenue Montaigne สถานที่ก่อตั้งห้องเสื้อ Christian Dior นายกรัฐมนตรีได้หารือกับ Bernard Arnault, Chairman and CEO of LVMH Group ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของโลกในภาคอุตสาหกรรมแฟชั่นและสินค้าลักชัวรี 

 

โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการลงทุน และเดินหน้าเพื่อเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับโลก สร้างซอฟต์พาวเวอร์ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 

 

อยากจะเชิญชวนกลุ่ม LVMH ร่วมกับประเทศไทยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเสริมสร้างเทคนิคและพัฒนาผ้าไทยให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยไทยพร้อมต้อนรับนักออกแบบและทีมงานสร้างสรรค์จาก LVMH เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือที่เป็นไปได้กับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป 

 

หารือบริษัท Kering ดึงเปิดสาขาในไทยเพิ่ม

 

ต่อจากนั้นได้หารือกับ Jean-Marc Duplaix, Deputy CEO บริษัท Kering ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจสินค้าประเภทแฟชั่นและสินค้าลักชัวรีรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เช่น Gucci และ Bottega Veneta 

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของการท่องเที่ยวไทย หากบริษัทพิจารณาเปิดสาขาเพิ่มจะเป็นโอกาสอย่างมากสำหรับลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยรัฐบาลไทยจะแก้ไขประเด็นอุปสรรคทางการค้า เช่น มาตรการภาษี สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ

 

ด้านบริษัทฯ รับทราบด้วยความยินดี และกล่าวชื่นชมว่าลูกค้าชาวไทยเป็นลูกค้าคุณภาพ และขอบคุณที่ไทยให้ความสนใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความสนใจร่วมมือกับไทยในเรื่องการเพิ่มปริมาณสินค้าที่ส่งขายในประเทศไทย และธุรกิจ Luxury Cruise 

 

ศึกษาความเป็นไปได้พลังงานสะอาด-เตรียมจัด Formula 1 ในไทย

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ Electricite de France (EDF) รับฟังการบรรยายสรุป และหารือกับหน่วยงานด้านพลังงานสะอาดของฝรั่งเศส เพื่อให้ไทยมีแนวความคิดที่กว้างขวาง เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในโลก และที่สำคัญมีความมั่นคงด้านพลังงาน

 

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีพบหารือกับ Stefano Domenicali ผู้บริหารบริษัท Formula One Group ผ่านระบบการประชุมทางไกลแบบออนไลน์ โดยได้หารือกันในประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการจัด Formula 1 ในประเทศไทย ฝ่ายผู้จัดเรียนว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะสมสำหรับการขยายการแข่งขัน Formula 1 โดยฝ่ายผู้จัดจะรีบมาสำรวจสถานที่ในประเทศไทยและเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising