×

นายกฯ นำประชุมยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี บอก 5 ปียังทำได้ยาก ไม่มีใครวางแผนล็อกตัวเองนานเกินไป รับไม่มีความสุขหลังค่าแรงขึ้นน้อย

โดย THE STANDARD TEAM
27.12.2023
  • LOADING...

วันนี้ (27 ธันวาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 

 

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมไม่เชื่อกับการวางแผนแล้วล็อกตัวเองไว้ยาวนานเกินไป ไม่มีใครที่วางแผนไว้ยาวนานถึง 20 ปี เพราะแม้กระทั่ง 5 ปียังทำได้ยาก โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว และจะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งอาจจะเมื่อ 6 เดือนที่แล้วหรือ 10 เดือนที่แล้วเราไม่เคยได้ยิน ChatGPT เรื่อง Artificial Intelligence เรื่องของเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ๆ ที่จะมากำหนดทิศทางโลก เรื่องพลังงานสะอาดเป็นเรื่องที่เวลาเดินทางไปเจรจากับต่างประเทศจะเป็นเรื่องแรกที่หยิบยกมาพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่โลกเราเปลี่ยนไปมาก โดยเรื่องเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของ War of Talent ที่ทุกบริษัท ทุกรัฐบาล ทุกประเทศทั่วโลกดึงดูดคนที่มีความสามารถไปทำงาน”

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ประเทศไทยต้องคอยปรับยุทธศาสตร์ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาด้วย ฉะนั้น ผมอยากให้แผนยุทธศาสตร์ต้องมีความคล่องตัว ให้มีการทบทวนและมีความยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อให้การพัฒนาของลูกหลานพวกเราในอีก 20 ปีข้างหน้าไม่ถูกผูกมัดด้วยความคิดของคนรุ่นเรา ให้มีโอกาสที่จะเลือกทิศทางในการวางยุทธศาสตร์และก้าวไปพร้อมๆ กับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป

 

ไม่มีความสุข ค่าแรงขึ้นน้อย

 

นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมฯ ถึงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่า ยังไม่จบ ซึ่งเมื่อวานนี้หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แจ้งไปแล้วในเบื้องต้น ซึ่งจะต้องดูแลแต่ละอาชีพแตกต่างกันออกไป 

 

“แน่นอนผมไม่มีความสุข ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานก็ไม่ได้มีความสุขและอึดอัดเช่นกัน แต่ยอมรับว่ามันก็มีกลไกในการกำหนดค่าแรงอยู่ อย่างที่ผมบอกว่าเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกความเหมาะสมของแต่ละประเทศ อย่างเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้เจอกับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ซึ่งบอกกับตนเองว่าถ้าเกิดไม่สามารถโยกค่าแรงขั้นต่ำ ความเจริญเติบโตของประเทศก็จะต่ำไปด้วย ซึ่งเมื่อคืนได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

ขอนายจ้างเห็นใจ

 

นายกรัฐมนตรียังระบุว่า ค่าแรงขั้นต่ำเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา 300 บาท วันนี้ 337 บาท ขึ้นไป 12% ซึ่งได้เปรียบเทียบว่าในทางกลับกัน หากลูกของผู้ประกอบกิจการทั้งหลาย  หรือคนที่เรียนจบเมืองนอกเมื่อ 9 ปีที่แล้วเงินเดือน 30,000 บาท มาถึงวันนี้เงินเดือนขึ้นเพียง 33,700 บาท จึงถามกลับว่า ขึ้นมาแค่กว่า 10% แฮปปี้ไหม อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา เรื่องของไตรภาคีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของกฎหมายและข้อบังคับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายๆ เรื่องคนไทยอยู่ด้วยกัน ด้วยความอยากให้ทุกคนมีความสุข และมีกินมีใช้ตามความเหมาะสม 

 

ส่วนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ขึ้นไปเพียงแค่ 2 บาทต่อเดือนนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนจะพูดอย่างไรว่าตนหรือนายกฯ ไม่มีอำนาจ แต่การขึ้นค่าแรงมันเป็นเรื่องของไตรภาคีหรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนตัวเข้าใจหมดทุกอย่าง แล้วก็รู้ว่าทุกคนเข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมันไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย จึงอยากให้เอาความเข้าใจซึ่งกันและกันมาพูดคุยกันได้ไหม ในภาวะที่เดือดร้อน 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเงื่อนไขในเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายกฯ ไม่มีอำนาจกับไตรภาคี ซึ่งจะมีการหารือกันแบบผู้ใหญ่คุยกับผู้ใหญ่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ก็จะต้องพยายามต่อไปในการแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ต้องพูดจาให้มีความชัดเจน และต้องขอร้องอ้อนวอนวิงวอนถึงเหตุผล แล้วอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด เช่น ประเด็นการย้ายฐานการผลิตมาพูด เพราะมันไม่ใช่ 

 

เมื่อถามว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละปีสามารถขึ้นได้หลายรอบใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า สามารถปรับได้หลายรอบตามความเหมาะสม จากที่ผ่านมาเราเคยพูดหลายจังหวัด รายอำเภอ ซึ่งบางอำเภอนั้นก็อาจมีความต้องการแรงงานที่แตกต่างกันออกไป เราเองก็ต้องฟังจากฝั่งนายจ้างเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จะไม่ฟัง และต้องฟังตามอาชีพ ตามความต้องการ ตามความชำนาญด้วย ซึ่งมีหลายมิติที่จะต้องพูดคุยกัน ส่วนตัวไม่ได้อยากใช้พื้นที่ของสื่อมวลชนมากดดันทุกๆ ฝ่าย

 

“ผมคิดว่าเราควรที่จะพูดจากันด้วยจิตใจอุปมาปราศรัย เราก็เห็นใจซึ่งกันและกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

หวังปีหน้ายกระดับความเป็นอยู่ประชาชน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความคาดหวังกับเศรษฐกิจในปีหน้าอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรีระบุว่า “ก็หวังว่าจะดีขึ้น ผมมาทำงาน ผมมาอยู่ตรงนี้ เพื่อต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น ก็ต้องทำให้ดีขึ้นในหลายมิติ ผมไม่ได้มาทำแค่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำอย่างเดียว ยังต้องดูเรื่องการลงทุน การเจรจา สนธิสัญญาการค้า และต้องดูเรื่องสิทธิพื้นฐาน เพศสภาพ การประกอบอาชีพ หรือแม้กระทั่งสิทธิเสรีภาพเล็กๆ เช่นเรื่องของสภาพอากาศที่สะอาด ซึ่งทุกคนล้วนต้องการ” 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising