*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์ Sex Education ซีซัน 3*
มาถึงตอนนี้เราคงไม่ต้องบรรยายถึงสรรพคุณของ Sex Education ซีรีส์วัยว้าวุ่นจาก Netflix ที่ใช้คำว่า ‘เซ็กซ์’ มาเย้ายวนผู้ชมให้มากความ เพราะเราเชื่อว่าผู้ชมที่คอยติดตามเรื่องราวของเหล่านักเรียนแห่งโรงเรียนมัวร์เดลมาจนถึงซีซัน 3 ต่างก็ได้รับบทเรียนแห่งการเติบโตไปพร้อมกับตัวละครภายในเรื่องไม่มากก็น้อย ทั้งประเด็นของเซ็กซ์ในวัยเรียน การค้นหาคุณค่าของตัวเอง ปัญหาความไม่เข้าใจกันระหว่างพ่อแม่และลูก ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ส่งให้ Sex Education กลายเป็นซีรีส์ที่ครองใจผู้ชมได้เป็นอย่างดี
สำหรับเรื่องราวของ Sex Education ซีซัน 3 เริ่มต้นขึ้นเมื่อ โฮป (Jemima Kirke) ครูสาวไฟแรงได้ก้าวเข้ามาเป็นครูใหญ่คนใหม่ของโรงเรียนแทน กรอฟฟ์ (Alistair Petrie) ที่ถูกไล่ออกไปเมื่อซีซันที่แล้ว เพื่อเข้ามาเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของโรงเรียนสอนเซ็กซ์ให้กลับมาเป็นโรงเรียนดีเด่นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่านโยบายของเธอจะส่งผลให้บรรยากาศของนักเรียนที่เคยเต็มไปด้วยสีสันค่อยๆ หมองหม่นลง
ขณะเดียวกัน ซีรีส์ก็จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากซีซันที่แล้ว ทั้งเรื่องราวความรักของ เอริก (Ncuti Gatwa) และ อดัม (Connor Swindells) ที่กำลังไปได้สวย ในขณะที่ โอทิส (Asa Butterfield) ก็ดูเหมือนว่ากำลังมีความสัมพันธ์แบบลับๆ กับ รูบี้ (Mimi Keene) ด้าน เมฟ (Emma Mackey) ก็เริ่มสนิทสนมกับเพื่อนบ้านอย่าง ไอแซค (George Robinson) มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึง จีน (Gillian Anderson) ที่ต้องรีบหาทางออกเรื่องเด็กในท้องกับ เจค็อบ (Mikael Persbrandt) ฯลฯ
นับเป็นอีกหนึ่งซีซันที่ผู้ชมจะได้เห็นเหล่าตัวละครที่ทุกคนต่างหลงรักค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในแง่ความสัมพันธ์และมุมมองความคิด ยกตัวอย่างเช่น เอริกที่สามารถก้าวข้ามทุกความเจ็บปวดจนกลายเป็นคนที่รักและภาคภูมิใจในคุณค่าตัวเอง รวมถึงโอทิสที่ค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับจีนและเจค็อบได้ดีขึ้นกว่าเดิม ฯลฯ
โดยสิ่งที่เราชื่นชอบมากๆ คือการที่ตัวซีรีส์มักจะหยิบประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่เคยถูกปูเอาไว้ในสองซีซันก่อนมาใช้ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งตัวละคร เอมี่ (Aimee Lou Wood) ที่เธอเคยพูดกับโอทิสในซีซันแรกว่าตัวเองมีแฟนมาโดยตลอด ซึ่งนำมาสู่การที่เธออยากจะทำความรู้จักตัวเองที่อยู่ในสถานะโสดมากกว่าเดิม หรืออดัมที่ในสองซีซันแรก เราจะเห็นว่าเขาค่อนข้างสนิทสนมกับสุนัขทุกตัวเป็นพิเศษ จนนำมาสู่ความพยายามค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี รวมถึงการหยิบประเด็นครอบครัวของ เจค็อบ และ โอลา (Patricia Allison) ที่ถูกปูเอาไว้ในสองซีซันแรกมาขยายความต่อให้ผู้ชมเข้าใจความรู้สึกของพวกเขามากยิ่งขึ้น
และนอกจากจะทำให้เราได้ทำความเข้าใจตัวละครมากขึ้นแล้ว มันยังส่งผลให้การคลายปมปัญหาของตัวละครในแต่ละครั้งมีความสมเหตุสมผลมากๆ และส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมเป็นอย่างดีอีกด้วย
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ Sex Education ซีซัน 3 พยายามนำเสนอมาโดยตลอด นั่นคือ ‘การรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น’ โดยหนึ่งในตัวละครที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดและถูกนำเสนอออกมาได้ชัดเจนที่สุดคือ ลิลลี่ (Tanya Reynolds) ที่นอกจากจะถูกสั่งให้ลบเครื่องสำอางและถอดเครื่องประดับออกจนทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเองแล้ว เธอยังถูกสังคมในโรงเรียนกล่าวหาว่าตัวเอง ‘ประหลาด’ เพียงเพราะเธอตัดสินใจส่งนิยายแนวอีโรติก-ไซไฟของตัวเองเข้าประกวด แล้วได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาในโรงเรียน
ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว หากเราลองหยิบ ‘ความชื่นชอบ’ ของลิลลี่ ทั้งนิยายที่เธอแต่ง ละครเวทีที่เธอสร้างขึ้น ความหลงใหลในมนุษย์ต่างดาว ไปจนถึงรสนิยมการแต่งตัวระหว่างมีเซ็กซ์ มาเปรียบเทียบกับโลกความเป็นจริง เชื่อว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่มีความชื่นชอบคล้ายๆ กับเธอ
ยกตัวอย่างเช่น คนที่ชื่นชอบในมังงะหรืออนิเมะญี่ปุ่น ก็อาจจะมีความชื่นชอบในการแต่งคอสเพลย์ ชื่นชอบในการสะสมฟิกเกอร์ต่างๆ หรืออาจชื่นชอบในการแต่งตัวคอสเพลย์ระหว่างมีเซ็กซ์ และอีกหลากหลายความชื่นชอบที่ ‘แตกต่างกันไป’ ตามแต่ละบุคคล
ดังนั้นแล้วเรื่องราวของลิลลี่จึงไม่ได้นำเสนอเพียงแค่ประเด็นของ ‘การรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น’ เท่านั้น แต่ยังนำเสนอให้ผู้ชมทั้งวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ได้ตระหนักถึง ‘การเคารพ’ ในความชื่นชอบของผู้อื่น เช่นเดียวกับที่เราเองก็คงไม่อยากให้คนอื่นมาล้อเลียนความชื่นชอบของตัวเอง
ยังมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจอีกหลายเรื่องที่ Sex Education ซีซัน 3 พยายามนำเสนอ แต่หากเราต้องขมวดปมประเด็นต่างๆ ทั้งหมดเพื่อตีความว่าเรื่องราวแสนวุ่นวายในครั้งนี้กำลังกล่าวอะไรแก่ผู้ชม
สำหรับตัวผู้เขียนแล้ว จุดร่วมข้อหนึ่งที่เราสัมผัสได้อย่างแจ่มชัดคือ ในทุกๆ ครั้งที่ตัวละครต้องเผชิญกับปมปัญหา พวกเขามักจะพูดว่า ‘เราคุยกันได้ไหม’ อยู่เสมอ ทั้งเรื่องราวของจีนที่พยายามจะพูดคุยกับเจค็อบเพื่อหาทางออกเรื่องเด็กในท้อง ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเอริกและอดัม รวมถึง แจ็คสัน (Kedar Williams-Stirling) และ วิฟ (Chinenye Ezeudu) ที่พยายามผลักดันให้ครูใหญ่โฮปจัดงานกลุ่มอภิปรายให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของโรงเรียน
เราจึงอาจตีความเรื่องราวของ Sex Education ซีซัน 3 ได้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้กำลังเสนอทางออกของการแก้ปัญหา ‘ความไม่เข้าใจกัน’ ด้วยการชวนให้เราลองหันมา ‘พูดคุย’ กัน เพื่อค้นหาสาเหตุ ทบทวนความรู้สึก และรับฟังเหตุผลของกันและกัน
แน่นอนว่าบางครั้งผลลัพธ์ของการพูดคุยอาจจะไม่ได้ทำให้เรา ‘ทำความเข้าใจ’ ความรู้สึกและเหตุผลของอีกฝ่ายอย่างทะลุปรุโปร่ง หรือสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่อย่างน้อยที่สุด เรื่องราวของพวกเขาและเธอก็ได้พิสูจน์ให้ผู้ชมเห็นแล้วว่า ‘การหันหลัง’ ให้กับปัญหาและ ‘มองข้าม’ มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผลลัพธ์ของมันย่อมร้ายแรงมากกว่าอย่างแน่นอน
สามารถรับชมซีรีส์ Sex Education ซีซัน 3 ทั้ง 8 ตอน ได้แล้วทาง Netflix
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่:
ภาพ: Netflix