×

เปิดเกร็ดน่าสนใจ 14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand หนังที่ชวนผู้ชมย้อนนึกถึง ‘ความกล้าหาญ’ ในวัยเด็กอีกครั้ง

08.10.2023
  • LOADING...

ร้านเช่าหนังสือการ์ตูน การเล่นผีถ้วยแก้ว เกมงูและโทรศัพท์โนเกีย ฯลฯ

 

เรียกได้ว่า 14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand ภาพยนตร์โรแมนติก-คอเมดี้จากค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ The Pipal Tree เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยที่เนืองแน่นด้วยบรรยากาศยุค 2000 ที่ใครหลายคนเติบโตมาพร้อมกัน และชวนให้เราหวนนึกถึงความทรงจำครั้งเก่าที่อาจจะหลงลืมไปบ้าง

 

ขณะเดียวกัน เมื่อได้รับชมตัวอย่างฉบับเต็มของ 14 อีกครั้ง ก็ทำให้เราเกิดคำถามขึ้นว่าทำไมเลข 14 ถึงมีความสำคัญต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ และทำไมผู้กำกับ เป้-นฤบดี เวชกรรม ถึงเลือกช่วงปี พ.ศ. 2546 มาเป็นฉากหลังของเรื่อง

 

วันนี้ THE STANDARD POP ถือโอกาสชวนทุกคนมาสำรวจเรื่องราวเบื้องหลังและเกร็ดน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนไปร่วมทบทวนความทรงจำวัยเด็กที่ใครหลายคนยังคิดถึงพร้อมกัน วันที่ 12 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

 

เรื่องราวความรักของแก๊งวัย 14 สุดเกรียน และการโคจรมาพบกันอีกครั้งของเพื่อนเคยสนิท

 

14 อีกครั้ง จะพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2546 เมื่อ กิ๊บ (ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์) อดีตนักเรียนดีเด่นระดับประเทศ ที่ตัดสินใจกลับบ้านเกิดที่จังหวัดจันทบุรีเพื่อมาพักใจ แต่ดันต้องมาเจอกับอดีตเพื่อนเคยซี้อย่าง ต้อ (นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต) ที่เธอพยายามหนีหน้ามาโดยตลอด

 

ขณะเดียวกัน กัน (ภูผา-อินทนนท์ แสงศิริไพศาล) น้องชายตัวแสบวัย 14 ปีของกิ๊บ ก็กำลังแอบชอบ ผิง (แฟร์รี่-กิรณา พิพิธยากร) นักเรียนหญิงสุดเท่คนใหม่ของโรงเรียน เขาจึงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในแก๊งหัวหมา นำโดย ม่อน (โยชิ-สุริยาวิชญ์ ถนอมชัยสนิท), วัด (วีเจ-นพรุจ ตันธนวิกรัย), ต่าย (เล็ก-ธีรเวช สุภาวงษ์) และ ซาร่า (โมเน่ต์-ภาริตา ริเริ่มกุล) แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนของเขาจะยิ่งทำให้ทุกอย่างวายป่วงกว่าเดิม แถมจู่ๆ กิ๊บและต้อก็จับพลัดจับผลูต้องมาช่วยเหลือแก๊งหัวหมาโดยไม่ตั้งใจอีกด้วย เรื่องราวแสนวุ่นวายของแก๊งหัวหมาและสองเพื่อนเคยสนิทจึงเริ่มต้นขึ้น

 

 

เป้-นฤบดี เวชกรรม และจุดเริ่มต้นของ 14 อีกครั้ง ที่เกิดจาก ‘ความบังเอิญ’

 

เป้-นฤบดี เวชกรรม ถือเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับที่มีลายเซ็นในการกำกับอันโดดเด่น โดยเฉพาะการปรุงแต่งรสชาติของความโรแมนติก-คอเมดี้ที่สร้างเสียงหัวเราะแก่ผู้ชมได้เสมอ เช่น สาระแนสิบล้อ (2553), แคท อ่ะ แว้บ แบบว่ารักอ่ะ (2558) ที่กำกับร่วมกับ เท่ง เถิดเทิง รวมถึง Low Season สุขสันต์วันโสด (2563) ที่โดดเด่นด้วยสถานที่ถ่ายทำที่สวยงามจนผู้ชมหลายคนต่างเดินทางไปตามรอย

 

มาถึงผลงานการกำกับเรื่องใหม่อย่าง 14 อีกครั้ง ที่จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้มีที่มาจาก ‘ความบังเอิญ’ และยังเป็นที่มาของเลข 14 อีกด้วย

 

โดย เป้ นฤบดี เล่าว่า เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เขากำลังขับรถไปรับลูกชายที่โรงเรียนตามปกติ แต่ในระหว่างที่รถกำลังติดไฟแดง อยู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาแปะมือที่กระจกรถและยิ้มให้กับเขาและลูกชายก่อนที่จะเดินอ้อมหน้ารถไป คนคนนั้นมีชื่อว่า เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ศิลปินร็อกชื่อดัง ทันใดนั้นเองบทเพลง 14 อีกครั้ง ของวงโลโซก็ดังขึ้นมาในหัวของเป้ทันที บวกกับ ณ เวลานั้น ลูกชายของเขามีอายุ 14 ปีพอดี ด้วยความบังเอิญที่เกี่ยวโยงกับเลข 14 นี่เอง จึงทำให้เป้หยิบเลข 14 มาต่อยอดเป็นไอเดียตั้งต้นในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่

 

 

เป้ นฤบดี เริ่มต้นด้วยการลองย้อนทบทวนถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับลูกชายวัย 14 ปี แล้วพบว่าเด็กๆ วัยนี้คือช่วงวัยที่เปี่ยมไปด้วยความกล้า กล้าคิด กล้าถาม กล้าตัดสินใจ โดยไม่สนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร กระทั่งเราเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ การลงมือทำอะไรบางอย่างก็อาจจะต้องเริ่มคิดเยอะขึ้น จนบางทีก็ไม่กล้าจะตัดสินใจ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่จึงอาจทำให้เราหลงลืมความกล้าที่เคยมีในวัยเด็กไปก็เป็นได้

 

“หลังจากทีมเขียนบทเริ่มหาข้อมูล เลยได้ประเด็นว่า 14 เป็นช่วงวัยที่กำลังจะโต กำลังจะมีตัวตนของโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นการที่เขาจะไปไหน เขาจะไม่สนว่าสิ่งนี้ที่เกิดขึ้นมันจะทำลายตัวเขาหรือทำให้ใครว่าเขา แต่ถ้ากูคิดจะทำ กูไปทำเลย พี่มองว่าตรงนี้คือความกล้าหาญมาก ซึ่งถ้าเราเอามาเล่าเป็นหนัง มันสะท้อนความเป็นผู้ใหญ่ได้ ถ้าเรามองย้อนกลับไปตอน 14 เราอาจจะได้ความกล้าหาญกลับคืนมาก็ได้ ก็เกิดเป็นประเด็นขึ้นมา เราอยากให้ทุกคนได้มาย้อนเวลานึกถึงความรู้สึกตอนที่เรา 14 ร่วมกัน เรามีกลุ่มเพื่อน เราไปไหน เราทำอะไร เราเคยรักใคร อาจจะเป็นช่วงที่เรายิ้มกับมันได้มากที่สุดก็ได้”

 

 

ปี พ.ศ. 2546 มนตร์เสน่ห์ที่ใครหลายคนคิดถึง และการหวนคืนสู่บ้านเกิดของ เป้ นฤบดี

 

หากดูจากตัวอย่างฉบับเต็มเราจะสังเกตเห็นว่าผู้กำกับและทีมสร้างได้เลือกใช้ช่วงปี พ.ศ. 2546 มาเป็นฉากหลังของเรื่อง พร้อมสอดแทรกสิ่งของและเหตุการณ์สำคัญๆ ที่หากใครเติบโตมาในช่วงนั้นจะต้องจดจำได้เป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่ป้ายโปรโมตภาพยนตร์แอ็กชันยอดฮิตเรื่อง องค์บาก ที่ออกฉายในปีนั้น โทรศัพท์โนเกียและเกมงูที่ใครหลายคนเคยเล่น ร้านเช่าหนังสือการ์ตูนที่เคยเข้า การนำบทเพลง แค่บอกว่ารักเธอ ของศิลปิน หมีพูห์ (ปราโมทย์ วิเลปะนะ) ที่โด่งดังในช่วงยุค 2000 มาใช้เป็นเพลงประกอบ ไปจนถึงเหตุการณ์ประสบอุบัติเหตุของ บิ๊ก-ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ สมาชิกวง D2B ที่เกิดขึ้นในปี 2546 ซึ่งส่งผลให้เขาเป็นเจ้าชายนิทรา และนำมาสู่เหตุการณ์ที่แฟนเพลงทั่วประเทศร่วมกันพับนกกระดาษเพื่อส่งกำลังใจให้กับศิลปินผู้เป็นที่รัก

 

โดย เป้ นฤบดี ได้เล่าถึงเหตุผลในการตัดสินใจเลือกใช้ปีดังกล่าวเป็นฉากหลังของเรื่องว่า “ปี 2546 ก็คือปี 2000 ขึ้นมาจนถึงปี 2003 รู้สึกว่ายุคนั้นมันเป็นยุคที่มีเสน่ห์ พวกเราทำอะไรมันยังไม่มีสมาร์ตโฟน มันยังไม่ก้มหน้ากัน เวลาที่เราจะเจอจะคุยอะไรต้องนัดกัน แล้วมีสังคมที่เราต้องไปเที่ยวด้วยกัน อยากรู้อะไรก็ออกเดินทาง ออกไปผจญภัยถึงจะได้เรียนรู้ เวลาจะเจอแฟนหรือเวลาเราจะนัดเจอ มันไม่ต้องรู้ตลอดว่าเขาจะทำอะไร จะมาหรือยัง มันเป็นการรอคอย ทุกคนมีจังหวะที่ต้องรอ ทำอะไรมันก็ต้องทำไปทีละขั้นละตอน ไม่รวดเร็วเหมือนตอนนี้

 

“เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าเรากลับมาเล่ายุคนี้ดีกว่า เป็นยุคที่หลายๆ อย่างมันมีความหมาย จับต้องได้ ตอนวัยรุ่นมันก็มีเรื่องให้เล่นกันไม่กี่อย่าง หลังเลิกเรียนก็อ่านการ์ตูน เจอกันร้านการ์ตูน เอาการ์ตูนมาแลกกัน ชวนกันออกไปเล่นโดดหนังยาง ไปนั่งฟังซาวด์อะเบาต์ด้วยหูคนละข้าง ตกดึกก็ผีถ้วยแก้ว มันเก็บไว้เป็นความทรงจำที่มันจำได้ไม่ลืม”

 

 

นอกจากเลขปี พ.ศ. 2546 แล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ สถานที่ถ่ายทำหลักของเรื่องอย่างอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ เป้ นฤบดี ที่เขาเติบโตขึ้นมาและเนืองแน่นไปด้วยความทรงจำวัยเด็กของตัวเอง

 

ขณะเดียวกัน ชุมชนเล็กๆ ที่ทีมสร้างเดินทางไปถ่ายทำยังมีความเหมาะสมในแง่ของบรรยากาศโดยรอบ ที่ผู้คนในบริเวณนั้นเลือกจะไม่เปลี่ยนแปลงและต่อเติมสถานที่ต่างๆ มากนัก ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้ ศาลเจ้า สวนทุเรียน ตลาด ภูเขา และทะเล เพื่อรักษามนตร์เสน่ห์ดั้งเดิมของสถานที่นั้นๆ ไว้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานกว่า 30-40 ปีแล้วก็ตาม รวมไปถึงการดำเนินชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอยู่มากมาย อำเภอขลุงจึงเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการเล่าเรื่องและการถ่ายทำอย่างที่ผู้กำกับต้องการ

 

เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว ผู้กำกับจึงพาทีมเขียนบทเดินทางไปสำรวจทุกซอกทุกมุมของอำเภอขลุง เพื่อรีเสิร์ชข้อมูลและสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยในชุมชนดังกล่าว พร้อมกันนั้นการได้กลับบ้านเกิดอีกครั้งยังทำให้ เป้ นฤบดี ได้ทบทวนความทรงจำวัยเด็กที่เคยใช้ชีวิตอยู่ ณ อำเภอขลุง ไปพร้อมกันอีกด้วย ดังนั้นแล้วเราจึงอาจกล่าวได้ในแง่หนึ่งว่า 14 อีกครั้ง คือผลงานการกำกับของ เป้ นฤบดี ที่มีความใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวมากๆ เรื่องหนึ่งของผู้กำกับคนนี้ก็คงไม่เกินจริงนัก

 

 

นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต และ ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ สองนักแสดงมากความสามารถที่โคจรมาพบกันเป็นครั้งแรก

 

สำหรับผู้ชมที่ติดตามชมละครและภาพยนตร์ไทยน่าจะต้องรู้จักและเคยรับชมผลงานการแสดงของ นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต และ ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ อย่างแน่นอน ทั้งนัทกับบทบาทนักเรียนอาชีวะสุดเข้มในภาพยนตร์เรื่อง 4KINGS (2564) ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาแล้วหลายเวที หรือ Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ (2565) ที่ได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมไม่แพ้กัน

 

ขณะที่ณิชาก็เป็นอีกหนึ่งนักแสดงหญิงที่ฝากผลงานให้คอละครได้ติดตามกันมาอย่างต่อเนื่อง เช่น นางอาย (2559) ผลงานที่เธอได้ก้าวขึ้นมารับบทนำบนจอแก้วเป็นครั้งแรก พร้อมได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 31 ในสาขาดารานำหญิงดีเด่น, เสน่ห์นางงิ้ว (2561) ที่เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 9 ในสาขานักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม รวมถึง Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี (2564) ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกที่ออกฉายทาง Netflix

 

 

สำหรับ 14 อีกครั้ง ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้โคจรมาเจอกันบนจอภาพยนตร์ ในบทบาทของ ต้อ และ กิ๊บ อดีตเพื่อนสนิทที่หายหน้าหายตากันไปนานหลายปี อีกทั้ง เป้ นฤบดี ยังเล่าว่าคาแรกเตอร์ของต้อนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากบุคคลจริงๆ อีกด้วย นั่นคือหลานชายของเขาเอง

 

ด้านนัทได้เล่าถึงคาแรกเตอร์ของตัวเองว่า “ต้อก็เป็นหนุ่มขลุงที่ไม่มูฟออนเท่าไร คือตอนที่ผมได้รับบทนี้น้าเป้ที่เป็นผู้กำกับกับพี่ออมที่เป็นแคสติ้ง จะบอกว่าตัวต้อมีความเป็นมนุษย์สูงมาก เขาจะคอยมองสิ่งต่างๆ ตลอด จะเล่นมุก จะคอยทำให้บรรยากาศมันเบาขึ้น สมมติว่าบรรยากาศมันเครียด ต้อจะเป็นคนที่เข้ามาเล่นมุก ผมก็พยายามคิด คอยมองคนที่มีอารมณ์ทำนองนี้รอบตัว

 

“แต่ว่าหลักๆ ที่ตัวละครต้อมันเริ่มทำงานกับผมจริงๆ คือเรื่องการไม่ค่อยมูฟออน ไม่ค่อยทิ้งกับเรื่องราวอะไรเท่าไร ถ้าสังเกตตั้งแต่การแต่งตัวก็จะเห็นว่าต้อใส่แต่รองเท้าเดิมๆ ใส่รองเท้านักเรียนมาตั้งแต่ตอนเรียนยังไง ตอนนี้ก็ยังไม่มูฟออนจากมัน หรือแม้แต่ความรักของเขากับเพื่อน เขายังวนอยู่ในลูป ต้อเขาจะมีคาแรกเตอร์ประมาณนั้น”

 

ขณะที่ณิชาเล่าถึงบทบาทของตัวเองว่า “คาแรกเตอร์กิ๊บก็จะเป็นผู้หญิงที่นิ่งไม่ได้เป็นคนสดใสร่าเริงมาก เพราะว่าเรื่องต่างๆ ในชีวิตที่กำลังเจออยู่ในตอนนี้ เหมือนเราแบกไว้หนักมาก มีความตั้งใจ ทะเยอทะยานในชีวิตที่อยากจะเป็นคนเก่งให้ได้ ท่าทางกิ๊บจะติดบอยเหมือนผู้ชายนิดหนึ่ง ผมก็จะยุ่งฟูได้ไม่ซีเรียส เป็นผู้หญิงที่ง่วงตลอดเวลา ชอบความสงบ แต่ต้องกลับมาเจอกับพวกเด็กๆ แก๊งของน้องเรา มันเลยรู้สึกว่าวุ่นวายมาก ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่นิดหนึ่งเวลาอยู่กับน้อง”

 

 

แก๊งหัวหมาสุดเกรียน ตัวแทนของวัยเด็กที่แสบและซ่าไม่แพ้ใคร

 

นอกเหนือจากเรื่องราวความสัมพันธ์ของ ต้อ และ กิ๊บ 14 อีกครั้ง ยังมีอีกหนึ่งกลุ่มตัวละครสำคัญที่เป็นตัวแทนของเด็กๆ วัย 14 ปีที่แสบและซ่าไม่แพ้ใคร นั่นคือ ‘แก๊งหัวหมา’ ที่ประกอบด้วย 5 สมาชิกสุดเกรียนอย่าง กัน น้องชายสุดเฮี้ยวของกิ๊บที่ดันไปตกหลุมรัก ผิง สาวสุดเท่ที่เพิ่งย้ายมาใหม่, ต่าย น้องชายของต้อที่เก่งทั้งเรื่องเรียนและเป็นที่พึ่งให้กับเพื่อนๆ ได้เสมอ, ม่อน เด็กแสบที่มักจะมีไอเดียเกรียนๆ มานำเสนออยู่ตลอด, วัด ลูกชายร้านเจ้าของหนังสือ และ ซาร่า สาวไฮแฟชั่นประจำกลุ่มที่มีบิ๊ก D2B เป็นศิลปินในดวงใจ

 

ด้านผู้กำกับ เป้ นฤบดี เล่าถึงความน่าสนใจของแก๊งหัวหมาว่า “ในโรงเรียนเขาจะมีระดับตัวเทพ พวกเด็กเรียนเก่ง กีฬาเก่ง เก่งไปหมด มีระดับกลางๆ แล้วก็ระดับที่ไม่มีใครเห็น ไอ้แก๊งนี้อยู่ในระดับที่ไม่มีใครเห็น ได้แต่มองคนที่เขากรี๊ดกัน แต่มีความคิดว่าอย่างน้อยเป็นหางราชสีห์ไม่ได้ก็มาเป็นหัวหมาเลย ฉะนั้นแก๊งหัวหมามันคือเด็กลูสเซอร์ที่พยายามแสดงตัวตนให้คนอื่นเห็นว่ากูก็มีดีนะเว้ย วันๆ ไม่มีอะไรหรอก ขี่มอเตอร์ไซค์ไปอ่านการ์ตูน จินตนาการสร้างเรื่องราวว่าต้องทำภารกิจโน้นภารกิจนี้ แล้วคิดว่าสิ่งที่กูทำคือเจ๋งมาก

 

“ซึ่งการแคสติ้งหาเด็กมารวมกันเป็นแก๊งหัวหมาเหมือนมันงมเข็มในมหาสมุทร มันเป็นส่วนที่ยากที่สุดเลย เราก็เริ่มจากให้เด็กๆ ส่งรูปกันมาจากทั่วประเทศ มีเยอะมาก พอมาแคสติ้งมันก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ด้วยคาแรกเตอร์เด็กจะเริ่มมีความรัก เริ่มอยากจะเฮี้ยว อยากจะเป็นผู้ใหญ่ อยากซ่า ก็ต้องแคสต์เอาตัวเขาออกมาให้ได้ แล้วน้องๆ ที่ได้มาทั้งหมดค่อนข้างที่จะตรงกับบทที่เราต้องการเลยด้วย น้องๆ อาจจะสดใหม่สำหรับภาพยนตร์ แต่ในความธรรมชาติของเขาทุกคนที่ได้มา มันตรง มันเหมาะเลยนะสำหรับพี่”

 

ภารกิจสารภาพรักของกันและแก๊งหัวหมาจะสำเร็จหรือไม่ และความสัมพันธ์ระหว่างต้อและกิ๊บจะเป็นอย่างไร เราคงต้องไปร่วมให้กำลังใจพวกเขาและเธอพร้อมกันใน 14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand วันที่ 12 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่: www.youtube.com/watch?v=yx5qvlwOYIA

 

 

ภาพ: สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising