เกาะติดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ อัปเดตลำดับเหตุการณ์สำคัญ

จากฝนหนักระดับประวัติการณ์ สู่วิกฤตเมืองหาดใหญ่ และลุกลามไปเกือบทั้งภาคใต้

ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน จนถึงปัจจุบัน จังหวัดสงขลาต้องเผชิญน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ จากฝนตกต่อเนื่องหลายวันสะสมกว่า 600 มิลลิเมตร จนคลองอู่ตะเภาล้นตลิ่ง มวลน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและชุมชนจำนวนมาก

หลายอำเภอถูกประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ประชาชนได้รับผลกระทบหลายแสนคน ระบบสาธารณูปโภคหยุดชะงัก และเกิดการอพยพประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ติดค้างในพื้นที่

THE STANDARD สรุปลำดับเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า ‘วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่’ เกิดขึ้นได้อย่างไร เรารู้อะไรแล้วบ้างในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

25 พฤศจิกายน 2568

12:00 น.

ครม.มีมติ ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินสงขลาทั้งจังหวัด มอบ ผบ.ทสส. บัญชาการสถานการณ์ในพื้นที่

10:47 น.

กองทัพเรือ จัดเรือหลวงจักรีนฤเบศรพร้อมเฮลิคอปเตอร์ เดินทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้

ประชาชนสามารถ ร่วมบริจาค น้ำดื่ม สิ่งของได้ที่ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เลขที่ 200 ถนนมหาราช เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 (ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะปิดรับบริจาค)

บริจาคได้ที่ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ท่าเรือจุกเสม็ด ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ภายในวันที่ 25 พฤศจิกายน เท่านั้น

สอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 02-475-3023

10:38 น.

รพ.หาดใหญ่ ยังเสี่ยงน้ำท่วมสูงกระทบบริการ เตรียมลำเลียงผู้ป่วยหนักทางอากาศส่ง รพ.ใหญ่ใกล้เคียง

วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมด่วนเตรียมลำเลียงผู้ป่วยหนักทางอากาศเบื้องต้น 50 คน จาก โรงพยาบาลหาดใหญ่ ไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลสงขลา โรงพยาบาลพัทลุง และโรงพยาบาลปัตตานี

โดยประสานเฮลิคอปเตอร์หน่วยงานต่างๆ ประเมินพื้นที่เข้ารับผู้ป่วย พร้อมส่งทีมบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช กรมการแพทย์ และทีมช่างจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้าสนับสนุนโรงพยาบาลหาดใหญ่

10:29 น.

เลขาธิการพระราชวัง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ที่ทำเนียบรัฐบาล อัญเชิญพระราชกระแส ทรงแสดงความห่วงใย ให้เร่งช่วยเหลือประชาชน

วันนี้ (25 พฤศจิกายน) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดภาคใต้ โดยมีรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ในช่วงเริ่มต้น นายกรัฐมนตรีได้ เชิญ พล.อ.อ. สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ และเลขาธิการพระราชวัง ร่วมการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย และอัญเชิญพระราชกระแสแสดงความห่วงใย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า ทรงมีความห่วงใยต่อประชาชนในภาคใต้ที่ประสบกับอุทกภัยในขณะนี้ จึงได้พระราชทานความช่วยเหลือ และระดมสรรพกำลังทั้งฝ่ายพลเรือน ฝ่ายทหาร และหน่วยราชการต่าง ๆ ให้ระดมกำลัง โดยเฉพาะเรื่องเรือเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยออกจากพื้นที่อันตรายไปยังพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้มีความปลอดภัย

รวมถึงการสนับสนุนปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องน้ำ เรื่องอาหาร โดยจะระดมสรรพกำลังจากกองทัพบก กองทัพเรือ และกระทรวงมหาดไทยซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ได้พระราชทานพระราชกระแส ทรงชื่นชมจิตอาสาทั่วประเทศที่ได้ระดมสรรพกำลัง ไม่เฉพาะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น แต่รวมถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ได้ร่วมมือร่วมใจประสานทุกฝ่ายในพื้นที่ต่างๆ

10:02 น.

พล.อ.อ.สถิตพงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมเผยพระราชกระแสความห่วงใย ในหลวง กำชับเร่งช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในที่อันตราย

09:00 น.

ศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคใต้ รายงาน ระดับน้ำหลายสถานีวัดน้ำในพื้นที่ อ.สะเดา อ.หาดใหญ่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงกว่าระดับตลิ่ง

08:38 น.

รมว.กลาโหม บินลงพื้นที่หาดใหญ่ ติดตามวิกฤตน้ำท่วม

วันนี้ (25 พฤศจิกายน) เมื่อเวลา 06.45 น. พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เพื่อออกเดินทางไปติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมในหลายจุด

ภารกิจหลักของการลงพื้นที่ครั้งนี้ คือการตรวจเยี่ยมและติดตามการทำงานของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพไทย (ศบภ.ทท.) ณ กองบิน 56 อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา โดยจะเน้นการประสานความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครอง หน่วยทหาร ตำรวจ รวมถึงกลุ่มจิตอาสา เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนและจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ พล.อ. ณัฐพล ยังมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากในพื้นที่ เพื่อรายงานสถานการณ์อุทกภัยและความคืบหน้าของการช่วยเหลือต่อที่ประชุม โดยมีนายกรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลโดยตรงจากพื้นที่ประสบภัย

07:50 น.

รพ.สมเด็จพระบรมราชินีนาถ อ.นาทวี จ.สงขลา ขอรับบริจาค อาหารสด-อาหารแห้ง ดูแลคนไข้ บุคลากรทางการแพทย์ รวม 400 ชีวิต

โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ขอรับบริจาคอาหารสด-อาหารแห้ง ดูแลคนไข้ ญาติคนไข้ บุคลากรทางการแพทย์ รวม 400 ชีวิต

มีผู้ป่วยวิกฤต 7 คน 1 ในนั้นเป็นทารกแรกเกิด ตอนนี้เหลือข้าวสารพอ 3 วัน ปลากระป๋องได้ถึงเที่ยงนี้ (25 พ.ย.68) ตอนนี้น้ำเชี่ยวมาก เจ้าหน้าที่ไม่มีรถที่สามารถออกไปขอความช่วยเหลือศูนย์พักพิงที่ใกล้ที่สุดได้

ติดต่อช่วยเหลือโดยตรงได้ ที่ ทพญ.ปณัฏ ปิยคุณากร โทร 081-931-9230

หมายเหตุ : ทาง รพ. ของดรับบริจาคเงิน

07:43 น.

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 เปิดช่องทางแจ้งขอรับความช่วยเหลือเหตุน้ำท่วมที่หมายเลข 098-2233364, 061-5865574, 074-232145 ถึง 8 และ 074-586685 ขอให้ประชาชนโทรซ้ำหลายครั้ง หรือรอคู่สายว่าง จะมีเจ้าหน้าที่รับสายต่อเนื่อง

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ค่ายเสนาณรงค์ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่เปิดช่องทางรองรับเรื่องร้องทุกข์และคำขอความช่วยเหลือจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ โดยส่วนใหญ่เป็นการขอสนับสนุนการอพยพ เคลื่อนย้ายสิ่งของ รวมถึงร้องขออาหารและน้ำดื่มเพื่อยังชีพ

อย่างไรก็ตาม มีประชาชนบางส่วนแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อมายังศูนย์ได้ เนื่องจากมีสายโทรเข้าพร้อมกันจำนวนมาก จนทำให้คู่สายหนาแน่น สายซ้อน และเกิดการติดต่อไม่ติดเป็นช่วง ๆ แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าทุกหมายเลขสามารถติดต่อได้ทั้งหมด โดยแนะนำให้ประชาชนโทรซ้ำหลายครั้ง หรือรอช่วงเวลาที่คู่สายว่าง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำรับสายอย่างต่อเนื่องที่หมายเลข 098-2233364, 061-5865574, 074-232145 ถึง 8 และ 074-586685

07:00 น.

วันนี้ (25 พ.ย.) ภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยมีฝนหนักหลายพื้นที่ และหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ฉบับที่ 14 (72/2568) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568)

ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณภาคใต้ตอนล่างจะเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านบริเวณภาคใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง โดยมีฝนหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ขอให้ประชาชนระวังอันตรายที่เกิดจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมาก ฝนตกสะสม และลมกระโชกแรง ซึ่งอาจทำให้พื้นที่เสี่ยงภัยเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มในพื้นพื้นที่ลาดเชิงเขา

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจาก
ฝั่งต่อไปอีก 1 วัน

24 พฤศจิกายน 2568

23:48 น.

เรือหลวงจักรีฯ พร้อม ฮ. 2 ลำ และชุดปฏิบัติการพิเศษ ออกเดินทางกลางดึกแล้ว ลำเลียงสิ่งของ-ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ โทร 1696 สายด่วน ทร. 24 ชม.

23:22 น.

นายกฯเตรียมยกระดับน้ำท่วมหาดใหญ่ ย้ำเวลานี้เน้นช่วยชีวิตประชาชนเป็นหลัก ยืนยัน เจ้าหน้าที่หน้างาน ทำงานเต็มที่

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) เวลา 22.15 น. อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้รับรายงานจาก ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ว่า ตนได้รับรายงานจากรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาโดยตรง ขณะที่ ร.อ. ธรรมนัส อยู่ในพื้นที่แต่ไม่ได้อยู่ในศูนย์บัญชาการ คืนนี้คาดว่าจะได้พูดคุยกัน ในพื้นที่มีสัญญาณไม่เสถียร

ขณะที่ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนมีความห่วงทุกอย่าง ขณะนี้กำลังเร่งเติมศูนย์อพยพให้เพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ให้พื้นที่ในการให้ประชาชนอพยพ เข้ามาอยู่อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้ต้องมีการเพิ่มสูงอพยพอีกเป็นจำนวนมาก พรุ่งนี้คงต้องส่งคนลงไปดู และจัดการบริหารสถานการณ์อย่างเต็มที่ น้ำไม่ได้มาแล้วไป อาจต้องมีการยกระดับการบริหารสถานการณ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทุกคนทำงานอยู่หน้างานอย่างเต็มที่ มีการเสริมทรัพยากรลงไปอย่างเต็มที่เช่นกัน ขณะนี้ไม่ใช่การต้องทำตามระเบียบแล้ว ตนได้ประกาศให้จังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่ประสบภัย ดังนั้น จึงสามารถระดมหน่วยงานทุกหน่วยงานเข้าไปช่วยได้ ในวันพรุ่งนี้พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะลงพื้นที่ ขณะที่พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 ได้อยู่ในพื้นที่แล้วเพื่อบูรณาการร่วมกัน

ขณะที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้มีการขอรับการสนับสนุนเครื่องปั่นไฟนั้น นายกรัฐมตรีกล่าวว่า ในพื้นที่หาดใหญ่นั้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกำลังเร่งต่อไฟกลับคืนมาให้ได้ เมื่อสักครู่นี้ผู้ว่าฯ สงขลา ได้มีการพูดคุยกับตนยืนยันว่าภายในครึ่งชั่วโมงไฟจะกลับมา แม้จะมีปัญหา แต่คาดว่าองคาพยพรับทราบปัญหาแล้ว และกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ เมื่อน้ำล้นเข้ามา เครื่องปั่นไฟก็อาจใช้ได้ไม่พอ ในรายละเอียดนั้นคนหน้างานไม่มีใครอยู่เฉย ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนรัฐบาล ได้ประกาศให้ระดมความช่วยเหลือลงไปอย่างเต็มที่เช่นกัน เรื่องของความปลอดภัยขณะนี้ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก

ส่วนที่มีการขอสนับสนุนเรือเพิ่มเข้าไปในพื้นที่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องใช้เรือที่มีกำลังเพราะน้ำเชี่ยว เรือท้องแบนใช้ไม่ได้ ซึ่งเรือที่มีกำลังต้องเป็นเรือใหญ่ การจะเข้าไปในพื้นที่ก็ลำบาก ขณะนี้กำลังเร่งระดมเจ็ตสกี ขณะนี้มีการใช้เครือข่ายของเอกชน และราชการ

ส่วนเรือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีเรือ แต่เรือแบบเจ็ตสกีกำลังจัดซื้ออยู่ สิ่งที่สำคัญในเวลานี้ไม่ใช่การขนย้ายทรัพย์สินของชาวบ้านออกมา แต่ต้องเป็นการนำตัวของชาวบ้านออกจากพื้นที่ที่อันตราย

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่อีกครั้งหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังคิดอยู่ ถ้าไม่ลงพรุ่งนี้ ก็อาจจะต้องขนกันลงไปอีก เพื่อไปช่วยตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ แต่จริง ๆ การทำงานในเวลานี้คนหน้างานก็ทำงานไป ตนเองไปก็ยุ่งแม้จะสั่งให้ไม่ต้องมารับแต่ก็มากันอยู่ดี สู้อยู่ในกรุงเทพฯ แต่ให้การสนับสนุนอาจจะทำให้มีประสิทธิภาพ

ส่วนการตั้งศูนย์บัญชาการสถานการณ์น้ำท่วม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเข้าช่วยเหลือประชาชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันมีเบอร์ 4 เบอร์ แต่คาดว่า 4 สายนี้ก็มีคนโทรเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งนี้ สามารถติดต่อได้ที่ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้นำปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้รับอำนาจจากผู้ว่าราชการจังหวัด ในการดูแลเขตพื้นที่ตัวเองให้เต็มที่ และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดเน้นในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ขณะนี้ให้เน้นเรื่องของการช่วยเหลือชีวิตประชาชนก่อนมายังศูนย์พักพิง

21:55 น.

อธิบดี ปภ. นำทีมลงใต้ ตั้งกองอำนวยการฯ ส่วนหน้า สั่งระดมรถ เรือ กว่า 500 รายการ พร้อมเฮลิคอปเตอร์ KA-32 ผนึกกำลังช่วยน้ำท่วมใต้

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมสูงหลายจุด เพื่อให้การอำนวยการ กำกับ ประสานงาน และการปฎิบัติงานในพื้นที่เป็นไปตามนโยบายของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ปภ. จึงได้จัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ส่วนหน้า ขึ้น ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ซึ่งได้ระดมทีม ปภ.ส่วนกลาง มาร่วมสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ เพื่อประสานการปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเกิดความคล่องตัว ครอบคลุม ทั่วถึง และทันต่อเหตุการณ์ โดยมี ชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายปฏิบัติการ เป็นหัวหน้าชุด

ธีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ส่วนหน้า ได้ร่วมประชุมกับศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนก.) ซึ่งอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้อำนวยการ ศนก. ซึ่งจะบูรณาการหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และประสานการปฏิบัติเพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

“ปัจจุบัน ปภ.ได้ระดมสรรพกำลัง ทั้งทีมปฏิบัติการ ปภ. และเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากทุกศูนย์ ปภ.เขต ทั่วประเทศ ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้ รวมกว่า 500 หน่วย ทั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องสูบส่งน้ำ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหารพร้อมอุปกรณ์ รถบรรทุกน้ำ รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว เรือชนิดต่าง ๆ รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 จำนวน 1 ลำ พร้อมทีมนักบินและเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนอากาศยาน ‘The Guardian Team’ ลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนจังหวัดภาคใต้อย่างเต็มกำลัง”

อย่างไรก็ตาม ทีม ปภ. จะทำงานร่วมกับศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ในการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการเร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ การอพยพ เคลื่อนย้าย และช่วยเหลือผู้ประสบภัย การขนย้ายลำเลียงวัสดุอุปกรณ์และสิ่งของช่วยเหลือ รวมถึงแจกจ่ายอาหารและน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชน ซึ่งทีม ปภ. จะตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย