วันนี้ (21 มกราคม) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ฟ้อง สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการบริษัทไร่ส้ม และอดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง เป็นจำเลยที่ 3 ร่วมกับ พิชชาภา หรือ ชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท จำเลยที่ 1, บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 และ มณฑา ธีระเดช พนักงาน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 4
ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับทรัพย์สินฯ, เป็นพนักงานฯ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าวตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ
กรณีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ถึง 28 เมษายน 2549 ต่อเนื่องกัน พิชชาภา ซึ่งเป็นพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท ได้จัดทำคิวโฆษณารวมในรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ โดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลาจาก บจก.ไร่ส้ม จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ บมจ.อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท โดยมีบริษัท ไร่ส้ม, สรยุทธ และมณฑาที่ให้การสนับสนุนในการกระทำความผิด
โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งคดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกพิชชาภา อดีตพนักงาน บมจ.อสมท จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินฯ เป็นเวลา 20 ปี, ปรับ บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 80,000 บาท ส่วนสรยุทธและมณฑา จำเลยที่ 3-4 ให้จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
ซึ่ง บจก.ไร่ส้ม, สรยุทธ, มณฑา จำเลยที่ 2-4 ได้ยื่นฎีกา โดยมีผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นเซ็นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง หรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่โทษจำคุกนั้นไม่เกิน 5 ปี หรือคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำเลยไม่เกินกำหนดดังกล่าว หากจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องมีผู้พิพากษาในสำนวน หรือที่ทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ หรืออัยการสูงสุดเซ็นรับรองว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย
โดยจำเลยทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกันคนละ 5 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้เรียกจำเลยทั้งหมด พบว่าจำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล ซึ่งศาลได้ตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่าที่จำเลยฎีกาฟังขึ้นบางส่วน เนื่องจากโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนในบางประเด็น ที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นควรพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกพิชชาภา จำเลยที่ 1 รวม 6 กระทง กระทงละ 3 ปี เป็น 18 ปี, ปรับบริษัท ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 108,000 บาท และจำคุกสรยุทธและมณฑา 12 ปี
แต่เนื่องจากคำให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก พิชชาภา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 12 ปี, ปรับบริษัท ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 จำนวน 72,000 บาท และจำคุกสรยุทธและมณฑา จำเลยที่ 3-4 คนละ 6 ปี 24 เดือน ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิด
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และสรยุทธ จำเลยที่ 3 เคยทำคุณงามความดี ขอให้ลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษ ศาลเห็นว่าสรยุทธเป็นสื่อมวลชนอาวุโส เป็นที่นับหน้าถือตาของบุคคลทั่วไป แต่กลับอาศัยโอกาสช่องว่างทางกฎหมายเอื้อประโยชน์แก่ตนกระทำความผิดเสียเอง จึงไม่เพียงพอให้รับฟังเพื่อลงโทษสถานเบาหรือรอลงอาญา
ขณะที่บรรยากาศภายในห้องพิจารณา ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษากว่า 45 นาทีเสร็จสิ้นลง เพื่อนร่วมงานได้เข้าไปกอดและให้กำลังใจสรยุทธ
พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ หรือ ไบร์ท ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ที่ผ่านมาได้ให้กำลังใจกันมาตลอด ส่วนสรยุทธก็พยายามต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีพฤติกรรมเบียดบังเวลาของ อสมท ข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเวลาเกิน ที่ผ่านมาสรยุทธรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกกล่าวหาว่าเบียดบังเวลาการโฆษณาของ อสมท ตนในฐานะเป็นเพื่อนร่วมงาน คนใกล้ชิด ต่างรู้สึกเสียใจและเสียดาย เพราะสรยุทธเป็นพี่ที่ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ต่ออาชีพและคนดู เขาสอนเรามาตลอดว่าต้องเคารพและรับผิดชอบต่อคนดู ซึ่งสรยุทธรักงานข่าวและอาชีพของเขามาก
ด้าน โก๊ะตี๋ อารามบอย กล่าวว่า สรยุทธมีกำลังใจดี ตนเองเคยถามว่า ทำไมทำงานทุกวัน หลายคนอาจคิดว่าทำเพราะอยากได้เงิน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะสรยุทธเคยพูดว่า วันที่ไม่ได้ทำงานคือวันที่เสียใจที่สุด และความสุขของสรยุทธคือการได้ทำงานข่าว และได้เล่าข่าวให้ทุกคนได้ฟัง ย้ำว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต่อสู้เท่าที่จะสู้ได้อย่างเต็มที่ และน้อมรับในคำตัดสิน โดยสรยุทธได้ฝากไว้ว่า ตนเองแค่ติดคุก ไม่ได้ตาย เดี๋ยวก็กลับออกมา พร้อมทั้งได้ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ และชีวิตยังต้องเดินต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง ไบรท์ พิชญทัฬห์ และโก๊ะตี๋ รวมถึงคนใกล้ชิดที่มาร่วมฟังคำพิพากษาร้องไห้เสียน้ำตาระหว่างสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ขณะที่สรยุทธและจำเลยร่วมในคดีจะถูกส่งตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพในวันนี้