วานนี้ (13 เมษายน) ซึ่งตรงกับเทศกาลสงกรานต์ และถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย หลายพื้นที่จัดกิจกรรมสืบสานประเพณี ตักบาตรช่วงเช้า มีการรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ รวมถึงการเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเพื่อพบปะญาติพี่น้อง หรือเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ อาศัยโอกาสเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นช่วงหยุดยาวทำกิจกรรมร่วมกัน
ขณะเดียวกันสงกรานต์ปีนี้ ยังคงอยู่ในห้วงการแพร่ระบาดของโควิด รัฐจึงมีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ โดยขอให้งดการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากอาจมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมและเป็นสาเหตุการแพร่ระบาดของโรคได้
อย่างไรก็ตาม THE STANDARD สำรวจแลนด์มาร์กสำคัญของนักท่องเที่ยว คือ ‘ถนนข้าวสาร’ กรุงเทพมหานคร ที่เวลานี้ ไทยมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว ปรากฏว่าพบนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เล่นน้ำสงกรานต์ตลอดเส้นถนนข้าวสารอย่างสนุกสนาน โดยมีการจำหน่ายสุราด้วย สังเกตจากจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะประมาณ 1,000 กว่าคน ในเวลาต่อมามีรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่มาขอให้หยุดเล่นสาดน้ำ แต่ก็ยังคงมีการเล่นสาดน้ำจนไปถึงช่วงค่ำ
ขณะที่ พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า สงกรานต์ปีนี้ รัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. อนุญาตให้พื้นที่ที่มีการควบคุมสามารถจัดงานสงกรานต์ได้ แต่เป็นการจัดงานเพื่อวัตถุประสงค์สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีไทย โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID-FREE Setting) ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการเล่นประแป้งและกิจกรรมในลักษณะปาร์ตี้โฟม รวมถึงห้ามการจำหน่ายและดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในบริเวณพื้นที่จัดกิจกรรม ต้องมีจุดคัดกรอง ลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากงาน ควบคุมปริมาณคนร่วมงาน และคนที่ไปร่วมงานต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดแล้ว
สำหรับผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 51 มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ