×

‘สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง’ ปัดข่าวหุ้นใหญ่ ‘7UP’ แตกคอ แจงลูกชายเทขายเพื่อให้เหลือแค่พอร์ตหลักของครอบครัว พร้อมกำชับนั่งเป็นบอร์ดไม่ควรเทรดหุ้นตัวเอง

09.08.2021
  • LOADING...
สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

การเคลื่อนไหวของหุ้น บมจ.เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (7UP) ในวันนี้ (8 สิงหาคม) เต็มไปด้วยความผันผวน โดยราคาหุ้นปิดตลาดที่ 1.16 บาท ลดลง 0.09 บาท หรือ 7.20% นับเป็นการลดลงต่อเนื่องวันที่ 8 ซึ่งระหว่างวันหุ้น 7UP ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 0.94 บาท 

 

สำหรับแรงเทขายหุ้น 7 UP เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะประเด็นความไม่ลงรอยในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ อีกทั้งยังมีข่าว ‘รชต พุ่มพันธุ์ม่วง’ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ และยังเป็นกรรมการของ 7UP ขายหุ้นออกมาจำนวน 5.35 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 9.05 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายออกมาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 และเป็นวันที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 29.9% ชนเพดานต่ำสุด (ฟลอร์) ทำให้นักลงทุนต่างจับตาว่าเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นตัวนี้

 

สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ของ 7UP ให้สัมภาษณ์ THE STANDARD WEALTH ว่าปัจจุบันผู้ถือหุ้น 7 UP ไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งตามที่มีกระแสข่าวลือแต่อย่างใด และโดยส่วนตัวก็ยังมีความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท 

 

ส่วนการขายหุ้นออกของรชต ซึ่งเป็นบุตรชายนั้น สมยศกล่าวว่า เนื่องจากรชตมีฐานะเป็นกรรมการของบริษัทด้วย ดังนั้น เพื่อสร้างความชัดเจน โดยส่วนตัวจึงขอให้รชตขายหุ้น 7UP ที่อยู่ในพอร์ตส่วนตัวซึ่งไม่ใช่พอร์ตหลักของครอบครัวออกไป 

 

“ผมไม่ได้ขัดแย้งกัน ผมพูดกับรชตว่าเรามีหุ้นเยอะแล้ว และผมถือยาว ผมถือมา 5 ปีแล้ว ต้นทุนผมก็ต่ำ แค่ 30 สตางค์ ถ้าเขาอยากจะลงทุนแบบเทรดเองควรจะไปลงทุนในหุ้นตัวอื่น แต่สำหรับบริษัทนี้ รชตเองก็อยู่ในฐานะกรรมการ เขาก็ไม่ควรจะซื้อๆ ขายๆ หุ้นบ่อย ผมบอกเขาว่า ถ้าเขาอยากขายควรจะขายหุ้นออกมาในส่วนที่ไม่ใช่บัญชีหลัก เราอยู่ในฐานะผู้ถือหุ้น ไม่ควรทำให้ผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัทต้องกังวลที่เราเข้ามาลงทุน ซึ่งรชตก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเป็นนักลงทุนคนหนึ่ง ถ้าเป็นนักลงทุนทั่วไปก็ไม่ต้องรายงาน ก.ล.ต. แต่เมื่อเขาเป็นกรรมการด้วย เขาก็ต้องรายงาน ก็ทำทุกอย่างตามกฎหมาย ไม่มีอะไรผิด” สมยศกล่าว

 

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของ 7UP ณ วันที่ 26 มีนาคม 2564 มีดังนี้

 

บริษัท พาหนะ อินเวสเตอร์ จำกัด 18.52%

พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง 9.94%

รชต พุ่มพันธุ์ม่วง 4.99%

วิโรจน์ นูคำดี 4.25%

Jerdnapang Thamchuanviriya 2.61%

 

ทั้งนี้ รชตได้รายงานต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าได้ขายหุ้น 7UP ออกมาจำนวน 5.35 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 9.05 ล้านบาท โดยเป็นการขายออกมาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 29.9% 

 

สำหรับรายการขายของรชต แบ่งเป็นการขายหุ้นสามัญรวม 4.65 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 1.83 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 8.51 ล้านบาท และหุ้นบุริมสิทธิรวม 7 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 0.77 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 5.39 แสนบาท

 

หุ้นที่รชตขายออกมาในครั้งนี้ยังถือเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะถ้าดูข้อมูล ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2564 พบว่ารชตถือหุ้น 7UP รวมกว่า 246 ล้านหุ้น

 

สมยศกล่าวยืนยันว่ารชตจะไม่มีการขายหุ้นที่เหลืออยู่ออกไปอีก รวมทั้งตนเองในฐานะบิดามีแนวคิดว่าจะจัดสรรหุ้นตัวนี้ที่อยู่พอร์ตของตัวเองกระจายให้กับรชตเพิ่มเติมเพื่อให้ครบ 300 ล้านหุ้น รวมถึงการจัดสรรให้กับบุตรสาวในสัดส่วน 300 ล้านหุ้น เพื่อเป็นมรดกให้กับลูกทั้งสอง แต่ขั้นตอนการดำเนินการจะรอจังหวะที่เหมาะสม

 

“ผมวางแผนของผมไว้แล้ว ผมแก่แล้ว ผมก็ต้องโอนไปให้ลูก ผมเข้าลงทุนหุ้นตัวนี้ตั้งแต่ยังเป็นหุ้นเอ็มลิ้งค์ ผมซื้อมามากกว่า 100 ล้านหุ้น ต้นทุนที่ 1 บาท จากนั้นหุ้นก็ตกมาอย่างต่อเนื่อง จนบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ มาทำน้ำประปา มาทำธุรกิจอื่นๆ ที่ผมมองว่าน่าจะดี ผมก็เข้าไปซื้อถั่วเฉลี่ย ซึ่งตอนนั้นราคาหุ้นอยู่ที่ 30 สตางค์ ผมก็ถือมาจนถึงวันนี้ การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง คนที่เข้ามาลงทุนเพราะ 1. ต้องการปันผล 2. ต้องการกำไร ซึ่งคนที่ต้องการผลตอบแทนไม่มีใครอยากให้หุ้นตก ทุกคนอยากได้กำไร แต่สำหรับผมเองก็ยังไม่คิดที่จะขาย ตอนที่หุ้นขึ้นไป 3 บาทกว่า ผมก็ยังไม่ขาย ผมมองว่าต้นทุนผมต่ำ ถือมา 5 ปีแล้ว ก็ควรจะถือต่อไป” สมยศกล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising