×

สมศักดิ์ ยืดอกยอมรับ ป.ป.ส. ขาดองค์ความรู้สารไตรโซเดียมฟอสเฟต ตรวจเป็นม่วงเหมือนเคตามีน ปัดตรวจสอบพลาด ชี้เครื่องมือได้มาตรฐาน

โดย THE STANDARD TEAM
24.11.2020
  • LOADING...
สมศักดิ์ เทพสุทิน

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) เมื่อเวลา 10.00 น. สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงถึงความสับสนในการจับกุมของกลางล็อตใหญ่ว่าใช่เคตามีนหรือไม่ว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมีการออกคำสั่งไปแล้วเพื่อให้ตรวจสอบ โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน และมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ เพื่อเร่งกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ และยืนยันว่าการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร เพราะการวิพากษ์วิจารณ์หากกระทบตน หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรงนี้ ตนรับได้ แต่ห่วงที่จะกระทบผู้อื่นที่ทำให้เกิดความเสียหาย ต้องถูกดำเนินคดี ตรงนี้ไม่ควรเกิดการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวขณะจับกุมครั้งนั้น ตนบอกว่า เบื้องต้นพบว่าเป็นเคตามีน เพราะการใช้น้ำยาตรวจสอบปรากฏว่าเป็นสีม่วง แต่ผลจริงๆ ต้องรอจากแล็บ ขอให้ย้อนดูคลิปการแถลงข่าวในวันนั้นได้เลย ตนยืนยันว่า ตนพูดว่าเป็นการตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น

 

สมศักดิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำงานในขณะนี้ ตอนนี้มีการเก็บตัวอย่างร่วมกัน ของหน่วยงาน ทั้ง ป.ป.ส. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองพิสูจน์หลักฐาน และ นิติวิทยาศาสตร์ ส่วนการให้หน่วยงานอื่นๆ มาช่วยตรวจสอบจะให้จบภายในสัปดาห์หน้า รวมถึงการจัดสัมมนาทางวิชาการกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆ, นักวิชาการ, สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) เพื่อปรับความเข้าใจใหม่ หาความรู้ และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสารไตรโซเดียมฟอสเฟต ซึ่งที่ผ่านมานั้น ป.ป.ส. ไม่เคยพบสารตัวนี้ ซึ่งเครื่องมือเทสต์คิตที่เราใช้อยู่ในขณะนี้เป็นมาตรฐานเดียวกับสากล

 

“ผมยอมรับว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขาดองค์ความรู้เกี่ยวกับสารตัวนี้ เนื่องจากเป็นสารใหม่และไม่เคยปรากฏขึ้นในประเทศไทย ว่าหากเข้าเครื่องเทสต์คิตจะเป็นสีม่วงด้วย ซึ่ง UNODC (สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ) บอกว่าประเทศอื่นเคยมีลักษณะนี้ แต่ในประเทศไทยถือเป็นครั้งแรก โดยจากนี้จะต้องมีการจัดเสวนาเพื่อสร้างองค์ความรู้และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนด้วย ทั้งนี้คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ตนพร้อมน้อมรับ ซึ่งการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงยุติธรรม เราจะเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด” สมศักดิ์กล่าว

 

เมื่อถามว่าสังคมสงสัยในหลายประเด็น ทั้งการขนส่ง การจัดเก็บหลักฐาน ว่าเป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงมีการเปลี่ยนหลักฐานหรือไม่ สมศักดิ์กล่าวว่า ต้องมีการตั้งกรรมการสอบ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการขนย้าย และให้ชี้แจงโดยเร็วที่สุด ส่วนการจัดเก็บหลักฐาน ตนยืนยันว่า มีห้องเก็บหลักฐานหนาแน่น และระบบราชการ เรื่องการเก็บหลักฐานต่างๆ รัฐมนตรีไม่มีอำนาจเกี่ยวข้องเลย วันที่ไปแถลงการจับกุม ตนต้องไปตามหน้าที่ หากไม่ไปคนจะหาว่าเราละเลยหน้าที่ ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าตนไม่เคยไปร่วมแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดเลย และตนจะเน้นการยึดทรัพย์ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดมากกว่า ขอเวลาให้ตนได้ทำงานตรงนี้

 

เมื่อถามถึงภาพลักษณ์ของกระทรวงยุติธรรมในเวลานี้ สมศักดิ์กล่าวว่า หากเป็นความผิดพลาดโดยเจตนาหรือมีอะไรแอบแฝง ถือว่าเป็นเสียหายแน่นอน แต่หากเป็นความผิดพลาดทางองค์ความรู้ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่เราต้องศึกษาหาความรู้ตรงจุดนี้เพิ่มเติม

 

เมื่อถามถึงกรณี อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) เพื่อแจ้งความ สมศักดิ์กล่าวว่า ตนให้นักกฎหมายดูให้อยู่ หากประเด็นไหนทำให้เกิดความเสียหาย ฟ้องได้ก็ต้องฟ้อง เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริง ซึ่งตนพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

 

เมื่อถามว่า ในเรื่องนี้หากมีความชัดเจน ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้น สมศักดิ์กล่าวว่า ต้องมีผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้อยู่แล้ว เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ตอนนี้ต้องเร่งหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว ว่าสารที่เรายึดมาได้ทั้งหมดนั้นมีการซุกซ่อนยาเสพติดไว้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว

 

ด้าน วิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สังคมสงสัยว่าทำไมขั้นตอนการดำเนินคดีถึงได้ล่าช้า ตนขอชี้แจงว่า คดีนี้เรายึดของกลางได้โดยไม่มีผู้ต้องหา ไม่เหมือนกับการจับกุมของกลางพร้อมผู้ต้องหาที่เป็นความผิดซึ่งหน้า และคดีนี้เป็นคดีระหว่างประเทศ เป็นการประสานงานมาจากไต้หวัน ดังนั้น อำนาจในการสั่งสอบสวนจะอยู่ที่อัยการสูงสุด ทางตำรวจไม่มีอำนาจ ขั้นตอนคือ เมื่อ ป.ป.ส. รวบรวมหลักฐานให้กับตำรวจ ทางตำรวจจะทำเอกสารให้อัยการสูงสุด เพื่อสั่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา ถึงจะมีอำนาจในการสอบสวนคดีนี้

 

“ในส่วนของผู้ต้องสงสัยนั้น เรามีข้อมูลแล้ว แต่เรากำลังสืบไปให้ถึงผู้ร่วมกระบวนการในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้ร่วมขบวนการกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมที่ไต้หวัน ดังนั้น นี่คือสิ่งที่สังคมต้องเข้าใจในกระบวนการ” วิชัยกล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising