วันนี้ (21 พฤศจิกายน) สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ภาคเหนือของ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีการพบปะกับบ้านใหญ่ที่ถูกมองว่าอาจเป็นการเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีว่า แพทองธารเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องรู้จักพื้นที่ในทุกจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะภาคเหนือ และประกอบกับการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา แพทองธารลงพื้นที่หาเสียง ก็อยากไปเยี่ยมเยียนพื้นที่ตรงนั้นด้วยในฐานะได้รับตำแหน่งใหม่
ขณะที่จังหวัดอุตรดิตถ์มีการเปิดสาขาพรรคเพื่อไทย ก็ถือว่าเหมาะสมที่จะพบปะกับประชาชน และเป็นงานที่หัวหน้าพรรครับผิดชอบซอฟต์พาวเวอร์ด้วย ก็ต้องไปรับทราบข้อมูลทั้งหมด ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของพรรคการเมืองที่ได้มากว่า 20 ล้านเสียง เป็นงานหนักพอสมควรที่จะต้องช่วยกันเดิน
สมศักดิ์ยืนยันว่า การลงพื้นที่ของแพทองธารไม่มีอะไรมากกว่าการพบปะประชาชนและการสร้างงาน ส่วนจะเป็นการปูทางเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น สมศักดิ์กล่าวว่า “การที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่วันนี้ ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งพอสมควร เพราะวันนี้เรามี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ทำงานดีอยู่แล้ว และต้องทำงานต่อไปอีกยาวๆ ไม่ใช่แค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ ขออย่าไปแซว ไปพูดหรือไปคุยในเรื่องเหล่านี้ คิดว่าไม่ใช่เรื่องสร้างสรรค์”
เชื่อไร้รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง บูรณาการงานภาคใต้ไม่มีปัญหา
สมศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ถามหารองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคงว่า ตนก็ไม่เห็นว่ามีใครพูดว่าต้องเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แต่การแบ่งงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมา ตนก็นั่งในคณะกรรมการหลายชุด และทำงานในลักษณะสอดประสานกับรองนายกรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ส่วนการพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ เป็นกรอบของรัฐบาลเดิมที่ทำไว้และยังไม่สำเร็จ ซึ่งตนเห็นว่าการแก้ปัญหาในภาพรวม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากได้พูดคุยกันก็จะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ถูกใจทุกฝ่าย เพื่อให้สามารถเดินได้ ซึ่งตนก็รับผิดชอบเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งยังเหลืออีก 20 กว่าอำเภอ ที่จะต้องมาหารือกันเพื่อปลดล็อก จึงอยากให้มีการพูดคุยกัน แต่ตนมั่นใจว่าแนวทางที่ได้ศึกษามาในระยะสั้นๆ ได้เห็นแนวทางที่จะทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินไปสู่สันติภาพได้
นายกฯ เตรียมลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 27 พ.ย. นี้ ดูสัมพันธ์มาเลเซีย
สมศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ และลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไปดูเรื่องสายสัมพันธ์การบ้านการเมืองกับประเทศมาเลเซีย จะเป็นที่ทำให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความใส่ใจในเรื่องการแก้ไขปัญหา
สมศักดิ์ยังกล่าวถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้ว่า การพูดคุยยังไม่จบ จึงต้องเอาเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาปะทะไว้ แต่ถ้าเขาคุยกันลงตัว ทุกอย่างจบ และการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งหมดจะเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งตนอยากใช้แนวทางนี้มากกว่าการยกเลิกเพียง 1-2 อำเภอ
เมื่อถามว่าคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังค้างอยู่ มีอุปสรรคต่อการทำงานอะไรเกี่ยวกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่กำกับในการแก้ปัญหาภาคใต้หรือไม่ สมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากมาย เพียงแต่ความเป็นประชาธิปไตยจะต้องไม่มีอะไรมาเป็นเงื่อนไขที่เป็นข้อกังขาต่อประชาชน เพราะเรามาจากการเลือกตั้งก็ควรทำให้มันสมบูรณ์ ซึ่งตนคงไม่ยอมให้ใครมาทำให้ผิดทำนองคลองธรรมในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เบื้องต้นรับผิดชอบในส่วนนี้ หากทำไม่ดีก็จะเกิดความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ หากเราสามารถพูดคุยทำให้เกิดความปลอดภัย ประชาชนก็รับได้ เชื่อว่าจะนำไปสู่หนทางความสำเร็จหากทุกฝ่ายช่วยกัน