Q: เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ด้วยตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่มาก่อน เลยโดนหมั่นไส้ว่าอายุน้อยกว่า แถมเพิ่งเข้ามายังมาพร้อมกับตำแหน่งที่สูงกว่าอีก กังวลจังเลยค่ะ ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ

A: ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งงานใหม่ก่อนนะครับ เพิ่งเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต อย่าเพิ่งคิดว่ามันจะขมขื่นเสมอไปเลยครับ จริงๆ เริ่มต้นใหม่พลังกายพลังใจน่าจะยังเต็มถังอยู่นะครับ อย่าเพิ่งให้มันพร่องไปเร็ว มา! มาตั้งหลักกันก่อน

โลกจะเป็นแบบไหนมันอยู่ที่เราคิดว่ามันเป็นแบบไหน ถ้าเราคิดว่าการที่เราอายุน้อยแต่ได้ตำแหน่งใหญ่เป็นปัญหามันก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าไม่มองว่ามันเป็นปัญหา มันก็จะไม่เป็น ถ้าเราคิดว่าเราจะโดนหมั่นไส้แน่เลย เราก็จะโดนหมั่นไส้ แต่ถ้าคนอื่นหมั่นไส้ แต่เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการถูกหมั่นไส้ มันก็จะไม่มีทางสะเทือนเราได้ครับ ถึงบอกว่า โลกจะเป็นแบบไหนอยู่ที่ตัวเราล้วนๆ เลย

ผมว่าอย่างแรกคือ เราต้องจัดการกับ Mindset หรือวิธีคิดของเราก่อน ไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามา เราต้องพลิกมันให้เป็นทางบวกให้ได้ ผมว่าคุณอายุน้อยแต่ได้รับความไว้วางใจให้อยู่ในตำแหน่งใหญ่ แสดงว่าองค์กรน่าจะเห็นอะไรในตัวคุณ เฮ้ย! นี่มันโคตรน่าดีใจเลยนะครับ ต้องรีบภูมิใจในตัวเองก่อน ในเมื่อองค์กรมั่นใจและให้โอกาสคุณแล้ว คุณควรต้องมั่นใจในตัวเอง และให้โอกาสตัวคุณเองได้ทำงานให้ดีเหมือนกัน

เอาอย่างนี้ก่อนนะครับ วันที่คุณมาสมัครงานที่นี่ สัมภาษณ์งานที่นี่ จนกระทั่งวันที่คุณตอบตกลงที่จะทำงานที่นี่ ทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณมั่นใจใช่ไหมครับว่าคุณสามารถทำงานได้ คุณถึงตัดสินใจคว้าโอกาสนี้ ถ้าไม่มั่นใจคุณคงไม่มาถึงขั้นนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าจากจุดเริ่มต้นคุณเริ่มจากความมั่นใจ รักษาความมั่นใจนี้ไว้ครับ และลงมือทำงานด้วยความมั่นใจ ตอนทำงานได้ไม่นานคุณอาจจะยังไม่มั่นใจเท่าไร เพราะทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง ผลงานยังไม่ทันออกดอกออกผล แต่ยิ่งคุณทำงานมากขึ้น ทุกวันมันคือการสร้างความมั่นใจให้คุณและคนรอบข้างว่าคุณทำได้ คุณทำได้ และคุณทำได้จริงๆ ให้โอกาสตัวเองได้สร้างความมั่นใจนี้ให้ตัวคุณเองได้เห็น และคนอื่นได้ทึ่งหน่อยดีไหมครับ

ผมมีวิธีคิดแบบหนึ่งที่เอามาใช้บ่อยๆ และคิดว่ามันเวิร์กจนอยากให้คุณลองใช้ดูครับ เวลามีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ผมจะลองมองพิจารณาดูว่า ผมมีส่วนทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอย่างไรบ้างไหม เพื่อสำรวจว่าจริงๆ ที่เราคิดว่ามันเป็นปัญหาของเรามันเป็นปัญหาจริงๆ หรือเปล่า แล้วเราจะมีส่วนในการแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง ทั้งในทางการปรับวิธีคิดและการลงมือทำ เพราะแค่เปลี่ยนวิธีการมองโลก โลกก็เปลี่ยนแล้วครับ

ยกตัวอย่างเช่น คุณอายุน้อยแต่ได้ตำแหน่งใหญ่ก็เลยมีคนหมั่นไส้ มาคิดดูดีๆ คุณเองก็ไม่ได้เป็นคนไปขู่เข็ญบีบบังคับองค์กรให้ได้ตำแหน่งนี้มา เขาให้คุณมาเองจากการพิจารณาตัวคุณ แล้วเล็งเห็นอะไรบางอย่างว่าเหมาะกับตำแหน่งนี้ เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะรู้สึกผิด ก็เขาให้ตำแหน่งนี้กับคุณมาเองนี่ครับ ว่าไหม ถ้าคุณไม่เหมาะสม มันก็กลับไปที่องค์กรว่า พิจารณามาอย่างไรถึงเอาคนที่ไม่เหมาะสมมาทำงาน มีคนตั้งเยอะแยะแต่ดันจั่วเอาคนที่ไม่เหมาะมา นั่นแหละครับปัญหาขององค์กร ไม่ใช่ปัญหาของคุณอยู่ดี

ทีนี้คนอื่นๆ ที่อยู่มานานกว่าทำไมถึงไม่ได้ตำแหน่งเท่าคุณ หรือเป็นไปตามอายุงานและประสบการณ์ที่มากขึ้น มันตีความได้สองทางคือ หนึ่ง เขาอาจจะทำงานได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ทำให้ได้ตำแหน่ง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของเขา แปลว่า เขาต้องพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องเก็บมากังวลให้รกสมอง และสอง เป็นไปได้ว่าองค์กรนี้มีปัญหาทางโครงสร้างจริงๆ เช่น ไม่ยอมโปรโมตคนในเสียที ไม่ยอมผลักดันให้คนที่มีผลงานได้มีการเติบโต อยู่มาตั้งนานไม่ได้เลื่อนขั้นสักที ซึ่งแสดงว่านั่นเป็นปัญหาขององค์กร องค์กรต้องแก้ไข ไม่ใช่ปัญหาของคุณอีก เมื่อไม่ใช่ปัญหาของคุณก็อย่าได้รีบเอามากลุ้มใจกันเลย

อายุน้อยแต่ได้ตำแหน่งสูงไม่ใช่ปัญหาครับ ผมว่าอายุไม่เกี่ยวหรอก มันเกี่ยวกับฝีมือและทัศนคติ ปัญหาคือเมื่อไรก็ตามที่คุณทำงานได้ไม่เท่ากับที่ตำแหน่งนี้ควรทำได้ นั่นแหละครับ คุณจะมีปัญหา แถมปัญหาใหญ่เลยล่ะ ฮ่าๆ

เพราะฉะนั้นทางออกก็คือ ทำผลงานให้สมกับตำแหน่งที่ได้มา แค่นั้นเลยครับ คุณต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นความสามารถของคุณ ถ้าผลงานของคุณเป็นที่ยอมรับ เรื่องหมั่นไส้ก็จะลดน้อยถอยหายกันไปเอง อารมณ์ว่าเห็นผลงานแล้วปิดปากได้สนิทแบบนั้นแหละครับ

ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ คุณรู้อยู่แล้วว่าคุณมีสิทธิ์โดนหมั่นไส้ได้ด้วยการที่ถูกมองว่าอายุน้อยแต่ตำแหน่งสูง คืออยู่เฉยๆ ก็น่าจะมีโอกาสโดนหมั่นไส้เป็นทุนเดิมได้อยู่แล้ว ผมว่ายิ่งคุณทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณทำงานเก่ง คุณอ่อนน้อม คุณไม่ตัดสินคนอื่น คุณไม่ลำพองในตำแหน่งตัวเอง หรือคุณให้เกียรติผู้ร่วมงาน ยิ่งเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง คนก็จะรักคุณมากขึ้น

คุณมาใหม่ก็ตัวคนเดียวอยู่แล้ว อย่าเพิ่งรีบสร้างศัตรู และต้องไม่มองเขาเป็นศัตรูหรือคนที่ด้อยกว่าเราด้วยนะครับ เขาคิดอย่างไรกับคุณไม่สำคัญ ผมว่าที่สำคัญคือ คุณคิดอย่างไรกับเขา ถ้าจะดี ลองคิดว่าเราจะทำให้เขารู้สึกอยากทำงานกับเราจังเลยให้ได้ เราจะส่งพลังบวกให้เขา จนเขามีพลังบวกมาทำงานกับเรา เราจะไม่คิดร้ายกับเขา เขาตั้งป้อมพร้อมหมั่นไส้อยู่แล้ว ยิ่งต้องใช้ความน่ารักเป็นกันเองในการสลายกำแพงที่มีอยู่ ยิ่งไปทำตัวเชิดๆ แรงๆ น่าหมั่นไส้ใส่เขาอีก ผมว่ามันจะยิ่งเป็นลบกับทุกคนเราค่อยๆ สลายกำแพงให้เขากลายเป็นคนที่ชื่นชมเรา เขาอาจจะพบว่า เขาคิดผิดก็ได้นะครับที่ด่วนตัดสินคุณแบบนั้น แต่มันสำคัญคือ คุณต้องทำงานให้ออกมาดีจนคนยอมรับ เมื่อนั้นข้อหาที่คนค่อนแคะว่า คุณอายุน้อยแต่ตำแหน่งสูงแบบนี้ได้มาได้อย่างไรก็จะหายไป

ตอนนี้เขาอาจจะหมั่นไส้คุณ เพราะยังไม่ทันได้เห็นฝีมือเห็นตัวตนกันก็ได้ ยังไม่รู้จักกันเท่าไร ผมว่ามันเป็นกลไกธรรมชาติของมนุษย์ที่พอเจอสิ่งไม่คุ้นเคยก็ต้องหาทางปกป้องตัวเองก่อน จะมาไว้ใจกันเลยก็คงไม่ง่าย แต่ถ้าเขาได้เห็นฝีมือ เห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ ต่อไปเขาอาจจะไม่หมั่นไส้คุณแล้ว หรือไม่รู้จักกันไปเห็นฝีมือกันแล้วก็อาจจะยิ่งคอนเฟิร์มหนักกว่าเดิมว่า เออว่ะ คุณไม่เหมาะสมจริงๆ น่าหมั่นไส้กว่าเดิมอีก ถ้าเป็นแบบนี้ไปว่าเขาไม่ได้แล้วนะครับ ฮ่าๆ เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา อยู่ที่คุณแล้วล่ะครับ

คิดอีกมุมนะครับว่า ถ้าได้ทำงานร่วมกัน และคุณสามารถผลักดันให้เพื่อนร่วมงานเติบโตไปด้วยได้พร้อมกับคุณ คุณเรียนรู้จากเขา เขาเรียนรู้จากคุณ จนโตไปด้วยกันได้ คุณจะไม่ได้แค่ได้งานที่ดี แต่คุณจะได้เพื่อนร่วมงานที่ดีไปด้วย ทุกคน Win หมด เย้!

เรามองโลกแบบไหน โลกก็จะเป็นแบบนั้นแหละครับ

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

Photo: Nisakorn Rittapai