×

สมชายจี้ ป.ป.ช. ไต่สวนนายกฯ-รัฐมนตรียุติธรรม-กรมคุมประพฤติ เอื้อทักษิณ

โดย THE STANDARD TEAM
18.03.2024
  • LOADING...

วันนี้ (18 มีนาคม) ที่รัฐสภา สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่พร้อมกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองที่สังคมตั้งคำถามมาก เพราะทักษิณยังเป็นนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการพักโทษ การขออนุญาตเดินทางไปเพื่อไหว้สุสานบรรพบุรุษ ถ้ากรมคุมประพฤติอนุญาตก็ทำได้ แต่ถ้าดูจากการเดินทางและพฤติการณ์ทั้งหมดที่สื่อมวลชนได้ตามถ่ายทอดสดตลอด ไม่ว่าจะเป็นการไปในสถานที่ต่างๆ ตลอดจนงานตรวจราชการเสมือนเป็นนายกรัฐมนตรี ไปจัดงานรื่นเริงสังสรรค์ที่ร้านอาหารกับเพื่อนโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย โดยมีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ปลัดกระทรวง อธิบดีกรมต่างๆ รอง ผบ.ตร. ผู้การตำรวจจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด ไปรายงานปฏิบัติการต่างๆ ตนคิดว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะทักษิณยังอยู่ในคดี ยังไม่พ้นโทษ

 

สมชายกล่าวต่อว่า ทักษิณยังอยู่ในคดีในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยคดีนี้ตำรวจสั่งฟ้องแต่รออัยการ คือหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนที่สั่งให้ไปแจ้งความคืออดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. ซึ่งอัยการจะพิจารณาในวันที่ 10 เมษายน ฉะนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้ทางการเมืองยิ่งตกต่ำลงไปอีก โดยเฉพาะต่อรัฐบาล ความไม่เหมาะสมของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่ต้องทบทวน แต่ถ้าทักษิณพ้นโทษแล้วก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง 

 

ดังนั้นเรื่องนี้ต้องตรวจสอบต่อ ซึ่งสื่อมวลชนก็เห็นคลิปวิดีโอทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงการหายป่วยของทักษิณเกือบ 100% หรืออาจจะป่วยไม่ได้เยอะอย่างที่หลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี แพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ โฆษกพรรค ที่ระบุว่าป่วยวิกฤตต่อเนื่องร้ายแรง ถ้าไม่อยู่ในการรักษาจะทำให้เสี่ยงต่อชีวิต ซึ่งถือว่าขัดแย้งกับข้อเท็จจริง และภาพวิดีโอได้บันทึกเหตุการณ์ไว้ทั้งหมด 

 

สมชายกล่าวว่า การลุก-นั่ง พบกับพระ หรือไปพบกับคนที่รักใคร่ รดน้ำปลูกต้นไม้ พรวนดิน การโหนขึ้นรถกอล์ฟ ชัดเจนมากว่าการที่บอกว่าป่วยจากกล้ามเนื้อเปื่อยยุ่ยไม่มีนิยามทางการแพทย์ ส่วนอาการป่วยในเรื่องอื่นๆ ก็เป็นเรื่องปกติเพราะสูงวัย ส่วนที่ทักษิณระบุว่าเป็นโควิด อยู่ในห้องไอซียู 9 วัน แล้วยังมีฝ้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ตนก็ป่วยเป็นโควิด คนไทยหลายล้านคนก็เป็นโควิด โดยโควิดเกิดตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งทักษิณเป็นตั้งแต่ปีแรกๆ ตอนนั้นยังไม่มีวัคซีนรักษา ก็อาจจะมีฝ้าที่ปอด ซึ่งอาจจะเหมือนคนสูบบุหรี่นานๆ ก็อาจจะเป็นฝ้าที่ปอด ก็รักษาไป ไม่มีโรคอะไรร้ายแรง ซึ่งจากการสอบถามจากแพทย์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าดูจากที่เห็นในภาพข่าวทักษิณมีสุขภาพแข็งแรง 90% แต่อาการป่วยเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะหลงเหลืออยู่ 

 

“จะต้องมีการตรวจสอบ ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบว่าข้าราชการเอื้ออำนวยต่อทักษิณหรือไม่ จะต้องเร่งมือ ซึ่งทราบว่าอยู่ระหว่างการหาข้อมูลเพื่อที่จะส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าจะมีมติให้ไต่สวนหรือไม่ ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา 2 คณะ ได้ส่งเอกสารที่มีการสอบไปแล้วให้กับ ป.ป.ช. ส่วนตัวจึงเห็นว่า ป.ป.ช. ควรมีมติไต่สวนเพิ่มเติม โดยไต่สวน และผู้ที่รับผิดชอบคือ 1. นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับรัฐบาล ประธาน ก.ตร. เป็นผู้ดูแลโรงพยาบาลตำรวจ ว่าการเจ็บป่วยที่รักษา 180 วัน โดยแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขึ้นมาจากแพทย์ใหญ่ และแพทย์ทำการรักษา มีข้อเท็จจริงประการใด เวชระเบียน ซึ่ง ป.ป.ช. มีอำนาจเรียกมาตรวจ หากผิดไปจากความเป็นจริงก็จะเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของส่วนแพทย์” สมชายกล่าว

 

สมชายกล่าวว่า นอกจากนี้ หน่วยที่ 2 ที่จะต้องมีการตรวจสอบ คนที่รับผิดชอบคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการพักโทษ จะต้องมีการสอบสวนว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการอนุมัติตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 ด้วยระบบที่ถูกต้องหรือไม่ ให้ทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และการอนุมัติให้รักษาตัวต่อในโรงพยาบาลเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และส่วนที่ 3 ที่ต้องถูกตรวจสอบคือกรมคุมประพฤติ ในการอนุญาตให้ไปพักโทษในการคุมขังนอกเรือนจำตามระเบียบ ซึ่งในเงื่อนไข 8 ประการ มีกำหนดห้ามดื่มเหล้าที่หมายถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แต่กรณีการอนุญาตให้ดื่มไวน์ได้ รวมถึงการอนุญาตให้ไปไหว้สุสาน แต่กำหนดการที่สื่อมวลชนได้รับจากการเผยแพร่เปรียบเป็นกำหนดการตรวจราชการ กำหนดการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนของนักโทษ ไปสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี เมื่อเปรียบเทียบกับบรรทัดฐานที่ปฏิบัติกับนักโทษรายอื่น 

 

“ที่กล่าวมาเป็นการทำหน้าที่ในฐานะวุฒิสภาตรวจสอบแทนประชาชน ตรงไปตรงมา ไม่ได้มีอคติใดๆ กรณีทักษิณกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้นเห็นด้วย แต่กรณีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งนายกรัฐมนตรีและข้าราชการประจำ หากมีการเอื้ออำนวยให้เกิดปัญหาการบิดเบี้ยวและทำให้เสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม และเกิดวิกฤตศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตศรัทธาในอนาคต โดยจะนำเข้าสู่กรรมาธิการต่อไป พร้อมจี้ ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วเพื่อให้ความแคลงใจของสังคมหมดไป” สมชายกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising