โซเชียลมีเดียได้ตายลงไปแล้ว นี่คือพาดหัวบทความของ Business Insider ที่อาจดูขัดแย้งกับความคิดของใครหลายคน เพราะทุกวันและทุกช่วงเวลาพวกเราก็ยังไถฟีดแอปใดแอปหนึ่งอยู่เสมอ
ทว่าในบทความได้กล่าวว่า โซเชียลมีเดียไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และ Tati Bruening คอนเทนต์ครีเอเตอร์วัย 22 ปี ก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับมัน เธอจำช่วงเวลาที่ Instagram เป็นสถานที่ที่สนุกสนานในการโพสต์มีมหรืออาหารที่เธอทำเป็นมื้อเย็น แต่ตอนนี้เธอบอกว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบจนรู้สึกเหมือนเป็นของปลอม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ติด ‘โซเชียลมีเดีย’ มากไป ก็ไม่ต่างกับติดโคเคนหรือแอลกอฮอล์ ผู้เชี่ยวชาญกังวลวิกฤตสุขภาพจิตกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่คนหนุ่มสาว
- อนาคตโซเชียลมีเดีย ‘Facebook-Twitter’ จะเริ่มแคบลง หลังบริษัทกลายเป็นองค์กรแสวงหารายได้ หน้าฟีดเต็มไปด้วยโฆษณาและถูกปิดกั้นมากขึ้น
- Facebook บอก คนไทยใช้เวลา 50% ไปกับการดูวิดีโอ พบผู้ลงโฆษณาเกิน 75% ใช้ผ่าน Reels จนสร้างรายได้ทั่วโลกแล้ว 3.5 แสนล้านบาท
ด้วยความเบื่อหน่ายกับเรื่องทั้งหมดนี้ เธอจึงเริ่มแคมเปญเมื่อปีที่แล้วชื่อ Make Instagram Instagram Again โดยขอให้แพลตฟอร์มนี้กลับไปสู่รูปแบบเดิม ซึ่งเธอไม่ได้ทำอยู่คนเดียว ผู้ใช้หลายพันคนและแม้แต่คนดังอย่าง Kylie Jenner ก็สนับสนุนเธอ
สิ่งที่กวนใจ Bruening และคนอื่นๆ อีกมากมายก็คือการเปลี่ยนแปลงของ Instagram ที่เมื่อก่อนเป็นสถานที่ที่คนธรรมดาอย่างเราสามารถแบ่งปันภาพถ่ายในชีวิตประจำวันได้ แต่ตอนนี้มันเหมือนกับนิตยสารหรือรายการทีวีที่มีเนื้อหาซึ่งได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบ
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกหนักใจและไม่เต็มใจที่จะโพสต์สิ่งที่ไม่สวยงามมากนัก อย่าง Hannah Stowe วัย 23 ปี บอกว่าความถี่ในการโพสต์ของเธอบน Instagram ลดลงจากรายสัปดาห์เหลือเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี
สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้ใช้หันมาใช้แชตส่วนตัวและข้อความกลุ่มมากขึ้นเพื่อแบ่งปันเรื่องราวสบายๆ ในชีวิตประจำวันกับเพื่อนสนิทและครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ Adam Mosseri หัวหน้าของ Instagram ก็ยังยอมรับ ผู้คนโพสต์แบบสาธารณะน้อยลงและแชร์มากขึ้นในพื้นที่ส่วนตัว เช่น ข้อความส่วนตัวและการแชตเป็นกลุ่ม ขณะที่โพสต์ปกติบนฟีด Instagram ตอนนี้ส่วนใหญ่มาจากอินฟลูเอ็นเซอร์หรือผู้ที่พยายามขายอะไรบางอย่าง
ความจริงก็คือโซเชียลมีเดียให้ความสำคัญกับการเป็น ‘สังคม’ น้อยลง แต่กลายเป็นสถานที่ที่เราเสพเนื้อหามากขึ้น ขณะนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่เลื่อนดูโพสต์แทนที่จะสร้างเอง ดังนั้นในหลายๆ ด้าน แนวคิดดั้งเดิมของโซเชียลมีเดียนั้นแทบจะตายไปแล้ว
การเดินทางของ Instagram เป็นตัวอย่างที่ดีของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เริ่มต้นจากแอปแชร์รูปภาพง่ายๆ ที่เราสามารถติดตามข่าวสารกับเพื่อนและครอบครัวได้ แต่พอโตขึ้นมันก็เปลี่ยนไป โดยมีตัวกรอง แฮชแท็ก และฟีเจอร์การช้อปปิ้ง จนค่อยๆ กลายเป็นห้างสรรพสินค้าที่พลุกพล่านซึ่งเต็มไปด้วยโฆษณาและการเสนอขาย แทนที่จะรู้สึกอบอุ่นและเชิญชวน
แอปใหม่ๆ กำลังพยายามหวนนึกถึงจิตวิญญาณดั้งเดิมของโซเชียลมีเดีย แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก แม้จะมีการเริ่มต้นที่ดี แต่แอปฝรั่งเศสอย่าง BeReal ก็ประสบปัญหาการเติบโต ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Dispo และ Poparazzi ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ รวมถึงความพยายามของ Instagram ในการกระจายความหลากหลาย และ Threads ที่ล้มเหลวในการดึงดูดความสนใจของผู้ชมเช่นกัน นี่แสดงให้เห็นว่าผู้คนยังคงค้นหาแอปที่ส่งเสริมการแบ่งปันชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
แล้วผู้คนจะไปไหน? คำตอบคือผู้คนหันมาใช้ข้อความส่วนตัวและพื้นที่ออนไลน์ที่มีขนาดเล็กและเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น Discord ซึ่งเป็นแอปแชตกลุ่มที่เติบโตขึ้นจนมีผู้ใช้งานเฉลี่ยเกือบ 170 ล้านคนต่อเดือน โดยอาศัยปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระลอกใหม่นี้มาเป็นปัจจัยเติบโต
แอปที่คล้ายกันอื่นๆ ก็กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน พื้นที่เหล่านี้นำเสนอสิ่งที่อัลกอริทึมไม่สามารถทำได้ นั่นคือความรู้สึกถึงเพื่อนฝูงที่รู้จักกันอย่างแท้จริง ไม่ใช่การเป็นเพียงผู้ใช้ที่ถูกกำหนดเป้าหมายสำหรับโฆษณา
แบรนด์และอินฟลูเอ็นเซอร์ต่างพบว่า การปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่ส่วนตัวเหล่านี้เป็นเรื่องที่ท้าทาย ถ้าทุกคนคุยกันเป็นกลุ่มส่วนตัวจะโปรโมตสินค้าหรือสร้างแบรนด์อย่างไร? เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบง่ายๆ และเป็นคำถามที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของ Digital Marketing
ท้ายที่สุดแล้ว แวดวงโซเชียลมีเดียกำลังประสบกับการปฏิวัติอย่างเงียบๆ แม้ว่าเราอาจไม่ได้ละทิ้ง Instagram ไปอย่างสิ้นเชิง แต่วิธีที่เราใช้มันเปลี่ยนไป เพราะวันที่เราจะแบ่งปันทุกรายละเอียดในชีวิตของเรากับผู้คนนับร้อยหรือหลายพันคนกำลังจางหายไป แต่เป็นยุคที่ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเก็บความทรงจำสำหรับตัวเองและผู้คนรอบตัวไม่กี่คนที่ถูกเลือก
อ้างอิง:
