ปรากฏการณ์การระบาดและความพยายามยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด เชื่อมโยงกับมิติความสัมพันธ์ที่หลากหลายในสังคม โดยพื้นฐานแล้ว การระบาดของไวรัสเกี่ยวข้องมิติเชิงชีวภาพของเชื้อไวรัส สภาพแวดล้อม ตลอดจนเกี่ยวข้องกับสุขภาวะของสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์ แต่นอกเหนือจากมิติเชิงชีวภาพแล้ว การระบาดของไวรัสก็ยังเกี่ยวข้องกับมิติทางกายภาพที่วางอยู่บนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ความสัมพันธ์เชิงพื้นที่และการสัมผัส ทั้งยังเป็นเรื่องทางเทคนิคโดยเฉพาะการพัฒนา การเก็บรักษา การกระจายวัคซีน ตลอดจนการประเมินปฏิกิริยาของร่างกายต่อเชื้อโรคและวัคซีน และที่สำคัญยังเป็นเรื่องทางสังคมและการเมือง ที่ซึ่งการแพร่กระจายและการยับยั้งการระบาดมักเชื่อมโยงอย่างมากกับความน่าเชื่อถือของการผลิต ความโปร่งใสของข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน ความชอบธรรมในการจัดหาและแจกจ่าย ตลอดจนทัศนคติของสาธารณะต่อการจัดการการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสังคม
เช่นนั้นแล้ว การทำความเข้าใจการระบาดและความพยายามในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด จึงต้องพิจารณาให้เห็นถึงระบบนิเวศหรือความสัมพันธ์ที่เหลื่อมซ้อนและยากที่จะแยกออกจากกันระหว่างปริมณฑลทางชีวภาพ กายภาพ เทคนิค สังคม และความเป็นการเมืองของวัคซีน
การทำงานของวัคซีน ตลอดจนความสำเร็จและข้อจำกัดของวัคซีน ในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคในสังคม จึงไม่ใช่เรื่องของประสิทธิภาพของมันในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค (Virulence-oriented Immunity) ในมนุษย์เท่านั้น หากแต่เชื่อมโยงอย่างมากว่าวัคซีนดังกล่าวมีภูมิคุ้มกันเชิงสังคม (Society-oriented Immunity) ในการถูกพัฒนา รับรู้ ได้รับการยอมรับ และสามารถกระจายไปอย่างทั่วถึงในสังคมหรือไม่ด้วย
ในบทความนี้ ผู้เขียนยกตัวอย่างกรณีศึกษาของประเทศออสเตรเลียและไทย ในด้านหนึ่ง เพื่อชี้ให้เห็นถึงระบบนิเวศและกระบวนการการผลิต การจัดหา การให้ข้อมูล และการรณรงค์ ตลอดจนการแจกจ่ายวัคซีนในสังคม และในอีกด้านหนึ่ง เพื่อชี้ให้เห็นถึงการรับรู้ของผู้คน ทัศนคติ ความกังวลใจ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วนำมาซึ่งความลังเลในการรับหรือการปฏิเสธการรับวัคซีน ผู้เขียนเสนอว่า วัคซีนแต่ละประเภทดำรงอยู่ ได้รับการยอมรับ และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในลักษณะที่หลากหลายออกไป การดำรงอยู่และการทำงานร่วมกับผู้คนในสังคมที่แตกต่างกันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าวัคซีนเหล่านั้นไม่เพียงแต่มีศักยภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อโรคที่ต่างกันเท่านั้น หากแต่มี ‘ภูมิคุ้มกันเชิงสังคม’ ที่ต่างกันไปออกไปด้วย
แม้ว่าวัคซีนจะเป็นผลผลิตเชิงเทคนิคของวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการแพทย์ แต่กระนั้นวัคซีนก็ไม่เคยเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างแยกขาดจากการให้คุณค่าทางสังคมการเมือง
ระบบนิเวศของวัคซีน
วัคซีนถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ที่ผ่านมา การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโดยการให้วัคซีน (Vaccination) ถือเป็นแนวทางด้านสาธารณสุขที่มีความปลอดภัยสูง มีต้นทุนต่ำ และสามารถเข้าถึงประชากรในโลกที่มีความแตกต่างทางเชื้อชาติ ความเชื่อ อายุ เพศสภาพ ฐานะ และระบบการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนถึงปัจจุบัน วัคซีนถูกนำมาใช้เพื่อการจัดการกับเชื้อโรคมากมายทั้งในคนและในสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ความสำเร็จของวัคซีนนั้นทำให้โรคอย่างฝีดาษหรือไข้ทรพิษกลายเป็นเพียงอดีต และโรคคุดทะราด โปลิโอ มาลาเรีย กำลังถูกขจัดให้หมดไปในเวลาอันใกล้นี้
ในแง่นี้ วัคซีนจึงมีส่วนในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคเพื่อปกป้องชีวิตของผู้คน และเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ
แม้ว่าวัคซีนจะเป็นผลผลิตเชิงเทคนิคของวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการแพทย์ แต่กระนั้นวัคซีนก็ไม่เคยเกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างแยกขาดจากการให้คุณค่าทางสังคมการเมือง ในแง่หนึ่ง กระบวนการทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในห้องทดลองเป็นกระบวนการที่สำคัญในการได้มาซึ่งวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และสามารถขนส่งแจกจ่ายได้ง่าย แต่นั่นก็เพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อกำจัดและป้องกันโรคเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว ความสำเร็จของการป้องกันโรคอีกส่วนหนึ่งมาจากการที่วัคซีนเหล่านั้นได้รับจัดสรรอย่างเหมาะสม ตลอดจนได้รับการยอมรับจากสาธารณะ และถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในสังคมด้วย
ในช่วงของการระบาดของเชื้อไวรัส มาตรการพื้นฐานในเรื่องของการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ และการกักตัวและติดตามผู้ติดเชื้อนั้นถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและเป็นสากล มาตรการที่ว่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่เคยถูกนำมาใช้ในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า เช่น SARS และ MERS ได้อย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด มาตรการดังกล่าวกลับพบว่ายังเป็นแนวทางที่ไม่เพียงพอในการสกัดกั้นการแพร่กระจายของเชื้อโรค นั่นก็เพราะว่าโควิดมักจะแพร่เชื้อในช่วงที่ยังไม่มีอาการบ่งชี้แน่ชัด ด้วยเหตุนี้ การสร้างภูมิคุ้มกันโดยการให้วัคซีนแก่ประชากรอย่างรวดเร็วและทั่วถึงจึงเป็นแนวทางที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นทางรอดระยะยาวในการต่อกรกับเชื้อโรคนี้
กระบวนการพัฒนาวัคซีนเกิดขึ้นในหลายขั้นตอน และมักเข้าใจกันว่ามีจุดเริ่มต้นจากในห้องทดลองที่ไหนสักแห่งในโลก วัคซีน Sinovac (หรือ CoronaVac) ถูกพัฒนาขึ้นโดยห้องปฏิบัติการวิจัยของบริษัท Sinovac Biotech ร่วมกับ Wuhan Institute of Biological Products วัคซีนของ AstraZeneca คิดค้นโดยทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด วัคซีนยี่ห้อ Pfizer ผลิตขึ้นโดยบริษัท Pfizer Inc. บริษัทยาของสหรัฐฯ ร่วมกับ BioNTech บริษัทยาของเยอรมนี แน่นอนว่าศูนย์ปฏิบัติการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเภสัชกรรมเหล่านี้ มีส่วนสำคัญในการพัฒนารูปแบบและแนวทางการทำงานของวัคซีนที่หลากหลาย ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับสังคมที่มากขึ้น แต่กระนั้น ต้องไม่ลืมว่า การพัฒนาวัคซีนนั้นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง ล้วนมาจากการเก็บตัวอย่างของเชื้อไวรัสที่แพร่อยู่ในสังคม เพื่อศึกษาถึงพันธุกรรม ลักษณะทางชีวกายภาพ ตลอดจนกลไกการดำรงอยู่และการแพร่กระจายของมันในโลกที่เป็นจริง นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจุดประสงค์หลักของการพัฒนาวัคซีนมีจุดเริ่มต้นจากความกังวลในสังคมมาตั้งแต่ต้น ในแง่ที่ว่ามันกำลังทำลายชีวิตของผู้คน เศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเมือง และดำเนินไปท่ามกลางความคาดหวังจากมวลมนุษย์ทั่วโลก
เชื้อที่ได้มาจากสภาพแวดล้อมจะถูกนำมาทดลองและพัฒนาต่อในห้องทดลอง กระบวนการดังกล่าวนี้แม้ว่าจะดำเนินไปในพื้นที่ปิด แต่ก็มักจะถูกจับตามองจากสังคมอย่างใกล้ชิด ขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าจะแนวทางของการพัฒนา เช่น การใช้เชื้อตาย การตัดต่อและสังเคราะห์สารพันธุกรรมจากส่วนต่างๆ ของไวรัส การทดลองในสัตว์ การทดลองในมนุษย์ การนำเสนอความก้าวหน้าและประสิทธิภาพ ตลอดจนการได้รับการรับรองจากสถาบันสาธารณสุขระดับชาติและหน่วยงานระหว่างประเทศอย่าง World Health Organization ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการที่ถูกตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมแทบทั้งสิ้น
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด สิ่งที่แพร่หลายมากกว่าเชื้อโรคก็คงจะเป็นความสนใจใคร่รู้ การถกเถียงอภิปราย และการให้คุณค่าต่อวัคซีนที่กระจายอยู่ทั่วทุกอณูของสังคมโลก
วัคซีนเกิดขึ้นท่ามกลางพลวัตและความคาดหวังของสังคมเสมอ
การพัฒนาวัคซีนนั้นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง ล้วนมาจากการเก็บตัวอย่างของเชื้อไวรัสที่แพร่อยู่ในสังคม
สังคมของวัคซีน วัคซีนในสังคมว่าด้วย ‘วัคซีนที่ดี’ และ ‘วัคซีนที่ดีน้อยกว่า’
ที่ประเทศออสเตรเลีย The Australian Technical Advisory Group on Immunisation (ATAGI) มีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนแก่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข (Ministry of Health) ตลอดจนให้คำแนะนำแก่หน่วยงานวิจัยและองค์กรต่างๆ โดยเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2021 ได้ออกประกาศ (Statement) ด้านข้อคำนึงความปลอดภัยเกี่ยวกับวัคซีน AstraZeneca โดยแนะนำว่าวัคซีน Pfizer เป็น Preferred Vaccine สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ข้อแนะนำนี้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการเกิดภาวะเกิดลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombosis with thrombocytopenia syndrome: TTS) หลังจากได้รับวัคซีน AstraZeneca ในกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2021 ATAGI ได้ออกประกาศคำแนะนำใหม่ว่าวัคซีน Pfizer เป็น Preferred Vaccine สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 16-60 ปี โดยคำแนะนำนี้ถูกปรับแก้เนื่องจากความเสี่ยงการเกิด TTS ที่สูงขึ้นจากการได้รับวัคซีน AstraZeneca ในกลุ่มอายุระหว่าง 50-59 ปีในออสเตรเลีย
ทั้งนี้ในช่วงระหว่างต้นเดือนเมษายนจนถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2021 ได้พบการรายงานผู้ป่วยจำนวน 60 รายที่ได้รับการยืนยันหรือมีความเกี่ยวข้องกับ TTS ในออสเตรเลีย โดย 7 รายในช่วงสัปดาห์ล่าสุดในขณะนั้นมีอายุระหว่าง 50-59 ปี ซึ่งส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการเกิด TTS ในกลุ่มอายุนี้เพิ่มขึ้นจาก 1.9 เป็น 2.7 ต่อ 1 แสนโดส AstraZeneca ทั้งนี้ TTS ถือเป็นภาวะที่มีความรุนแรงโดยมีอัตราการเสียชีวิตในออสเตรเลียที่ร้อยละ 3 (เสียชีวิตจำนวน 2 รายจากผู้ป่วย 60 ราย) AstraZeneca ถูกวางให้เป็นวัคซีนหลักของออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามคำแนะนำจาก ATAGI ส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อวัคซีน ซึ่งกระทบต่อแผนการฉีดวัคซีนของประเทศเนื่องจากออสเตรเลียมีการสำรองวัคซีน AstraZeneca เป็นจำนวนกว่า 53.8 ล้านโดส โดยมาจากการผลิตภายในประเทศถึง 50 ล้านโดส ขณะที่ประเทศมีการสำรองวัคซีน Pfizer อย่างจำกัด
คำแนะนำจาก ATAGI ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้ของประชาชนต่อการแบ่งวัคซีนออกเป็น ‘วัคซีนที่ดี’ (Good Vaccine) และ ‘วัคซีนที่ดีน้อยกว่า’ (Less Good Vaccine) และมีคำถามตามมาว่า ‘Why can’t I have the good one?’
ถึงแม้จะมีการเปรียบเทียบความเสี่ยงที่เกิดจากการได้รับวัคซีน AstraZeneca กับความเสี่ยงที่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือฟ้าผ่า อย่างไรก็ตามประชาชนยังคงเปรียบเทียบความเสี่ยงที่แตกต่างกันจากการได้รับวัคซีนระหว่าง AstraZeneca และ Pfizer โดยความกังวลนี้ส่งผลให้เกิดการยกเลิกนัดเข้ารับการฉีดวัคซีน AstraZeneca รวมไปถึงความกังวลในการเข้ารับวัคซีน AstraZeneca ในเข็มที่สอง
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติของออสเตรเลีย (Australian Bureau of Statistics) ในช่วงการสำรวจครั้งล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2021 พบว่า ร้อยละ 15 ของผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเป็นเพราะความต้องการวัคซีนทางเลือก (Wanting a different vaccine to what was available to them) โดยสัดส่วนความต้องการวัคซีนทางเลือกในกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 35 ในกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 50-69 ปี ขณะที่ร้อยละ 52 ของผู้ที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีนให้เหตุผลเรื่องผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และร้อยละ 15 กังวลในประสิทธิภาพของวัคซีน
ข้อมูลที่มีความขัดแย้งเหล่านี้ส่งผลให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2021 National Cabinet Statement 2021 ได้ระบุว่า แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปยังคงสามารถฉีดวัคซีน AstraZeneca แก่ประชาชนออสเตรเลียที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีต่อไปได้ อีกทั้งนายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ได้กล่าวว่าประชาชนทั่วไปสามารถปรึกษาแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปเพื่อขอรับวัคซีน AstraZeneca ได้ไม่ว่าอยู่ในกลุ่มช่วงอายุใดก็ตาม รวมถึงกลุ่มประชากรอายุต่ำกว่า 40 ปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ATAGI ได้ปรับคำแนะนำเรื่องช่วงอายุที่ควรได้รับวัคซีน AstraZeneca จากอายุ 50 ปีขึ้นไป เป็นอายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากพบความเสี่ยงต่อการเกิด TTS ในกลุ่มประชากรอายุ 50-59 ปี คำกล่าวจากนายกรัฐมนตรีก่อให้เกิดความสับสนของประชาชน รวมไปถึงความกังวลในกลุ่มแพทย์ปฏิบัติทั่วไปที่ยังคงยึดตามคำแนะนำของ ATAGI ว่าวัคซีน Pfizer เป็น Preferred Vaccine ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี
ถึงแม้ว่าวัคซีน Pfizer นั้นถูกมองว่าเป็นวัคซีนที่ดีกว่า AstraZeneca อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตวัคซีน Pfizer ที่เกี่ยวข้องกับ mRNA นั้นเกิดขึ้นในประชาชนบางกลุ่มโดยผ่านการกระตุ้นจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จในสังคมออนไลน์ เช่น การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนประเภท mRNA ว่ามีผลกระทบต่อพันธุกรรมและการแสดงออกของยีน บน WeChat ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียสัญชาติจีน ทั้งนี้มีการรายงานว่าข้อมูลเท็จดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ในกลุ่ม WeChat อย่างน้อย 5 กลุ่ม โดยมี Chinese Australians จำนวนมากกว่า 2,000 คน ได้พูดคุยและเผยแพร่ข้อมูลนี้ และข้อมูลเท็จดังกล่าวส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดโดยเฉพาะในกลุ่มบุคคลที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ด้านการแพทย์ ข้อมูลเท็จ รวมถึงข้อมูลที่บิดเบือนถูกเผยแพร่ไปในสังคมออนไลน์โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ปัญหาผู้ที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักรับข้อมูลจากภายนอกก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในครอบครัวเกี่ยวกับโควิด และความปลอดภัยในการเข้ารับวัคซีน
คำแนะนำจาก ATAGI ก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้ของประชาชนต่อการแบ่งวัคซีนออกเป็น ‘วัคซีนที่ดี’ (Good Vaccine) และ ‘วัคซีนที่ดีน้อยกว่า’ (Less Good Vaccine) และมีคำถามตามมาว่า ‘Why can’t I have the good one?’
ว่าด้วย ‘วัคซีนที่ดีที่สุด’: mRNA ดีกว่า Viral Vector ดีกว่าเชื้อตาย
ในประเทศไทยก็เช่นกัน มีการถกเถียงกันถึงประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละประเภท โดยในบรรดาวัคซีนทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ วัคซีน mRNA (Pfizer และ Moderna) วัคซีน Viral Vector (AstraZeneca) และวัคซีนเชื้อตาย (Sinovac และ Sinopharm) มุมมองของประชาชนต่อวัคซีน Sinovac ถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับนักในเรื่องประสิทธิภาพการจัดการกับสายพันธุ์เดลตา ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้เผยรายงานการศึกษาประสิทธิผลวัคซีน Sinovac จากการศึกษาในประเทศไทย ว่าสามารถป้องกันสายพันธุ์อัลฟาได้ร้อยละ 90 และสายพันธุ์เดลตาได้ร้อยละ 75 นั้น ได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์เป็นอย่างมากถึงความน่าเชื่อถือของการศึกษา ความกังวลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac ส่งผลให้ประชาชนมีความต้องการวัคซีน mRNA ดังจะเห็นได้ชัดเจนจากการสั่งจองวัคซีน Moderna เช่น ประชาชนเข้าจองวัคซีน Moderna เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 บนเว็บไซต์ของโรงพยาบาลรามาธิบดีจนระบบล่ม ขณะที่ชาวโคราชเข้าจองวัคซีน Moderna ล็อตที่ 2 บนระบบออนไลน์ของโรงพยาบาลเอกชนจนระบบล่มในทุกโรงพยาบาล
ความกังวลใจต่อประสิทธิภาพและอันตรายของวัคซีน และความไม่เชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อคำแนะนำของรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐ ส่งผลอย่างมากต่อการชะลอการรับวัคซีน Sinovac
นอกจากความกังวลในเรื่องของชนิดวัคซีนแล้ว แนวทางการฉีดวัคซีนแบบผสมยังก่อให้เกิดความกังวลในสังคมด้วยเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2021 คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนต่างชนิดร่วมกันได้ โดยมติดังกล่าวระบุว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac เข็มที่ 1 ให้ฉีดเข็มที่ 2 เป็นวัคซีน AstraZeneca โดยเว้นระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุสายพันธุ์เดลตา ทั้งนี้ก่อให้เกิดความกังวลในกลุ่มประชาชน เนื่องจากองค์การอนามัยโลกได้กล่าวเตือนการฉีดวัคซีนสูตรผสมว่ามีงานวิจัยรับรองอยู่น้อยมากและมีความสับสน กังวล ไม่มั่นใจ และไม่พอใจกับการที่ต้องเป็นหนูทดลอง ขณะที่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ ได้กล่าวยืนยันว่าได้ทำการศึกษาและประเมินประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนสูตรผสมแล้ว
ความกังวลใจต่อประสิทธิภาพและอันตรายของวัคซีน และความไม่เชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อคำแนะนำของรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐ ส่งผลอย่างมากต่อการชะลอการรับวัคซีน Sinovac ซึ่งเป็นวัคซีนหลักของประเทศไทยในช่วงแรก และทำให้ประชาชนต้องรับภาระที่เพิ่มขึ้นในการเสียค่าใช้จ่ายและเวลาเพื่อจองวัคซีนทางเลือกกับโรงพยาบาลเอกชน ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจและความไม่พอใจที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้คำโฆษณาของรัฐมนตรีสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญที่ว่า “วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด” ได้กลายมาเป็นวลีตลกร้ายในสังคมและถูกนำมาล้อเลียนในสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวาง
มุมมองของประชาชนต่อวัคซีน Sinovac ถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับนักในเรื่องประสิทธิภาพการจัดการกับสายพันธุ์เดลตา
วัคซีนที่อ่อนแอ
วัคซีนที่อ่อนแอ คือวัคซีนที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสังคม ด้วยว่ามันไม่เป็นที่ยอมรับอันเป็นผลมาจากความไม่ชัดเจนของข้อมูล การขาดความโปร่งใสของการจัดหา และรวมถึงการรณรงค์ที่ไร้ความน่าเชื่อถือ ความหวั่นวิตกของประชาชนผู้รับวัคซีนทำให้วัคซีนมีภูมิคุ้มกันในการทำงานต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายในสังคมที่ลดลง ท่ามกลางการรับรู้ ความลังเลไม่แน่ใจ และการ (ไม่) ยอมรับวัคซีนที่เกิดขึ้นนี้ สิ่งที่จะทำหน้าที่ในการเป็นภูมิคุ้มกันที่สำคัญให้กับวัคซีนในเวลาที่มันแพร่กระจายไปในสังคม ก็คือการลดความกังวลใจของสาธารณชน ตลอดจนสร้างความชอบธรรมและการยอมรับวัคซีนให้เกิดขึ้นให้ได้
ในตอนหน้า ผู้เขียนจะพูดถึงการกระบวนการสำคัญอีกส่วนหนึ่งของการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้กับวัคซีน นั่นคือการรณรงค์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างการยอมรับวัคซีนให้เกิดขึ้นในสังคม
อ้างอิง:
- Casiday, Rachel E. 2005. “Risk and trust in vaccine decision making” Durham Anthropology Journal., 13 (1).
- Fuentes, Agustín. 2020. A (Bio)anthropological View of the COVID-19 Era Midstream: Beyond the Infection, Anthropology Now, 12:1, 24-32, https://doi.org/10.1080/19428200.2020.1760635
- Terence S. Dermody, Daniel DiMaio, Lynn W. Enquist. 2021. “Vaccine Safety, Efficacy, and Trust Take Time” Annual Review of Virology 8:1, iii-iv. https://doi.org/10.1146/annurev-vi-08-102220-100001
- Australian Technical Advisory Group on Immunisation (ATAGI). Australian Government; Department of Health. https://www.health.gov.au/committees-and-groups/australian-technical-advisory-group-on-immunisation-atagi
- Australian Technical Advisory Group on Immunisation. ATAGI statement on AstraZeneca vaccine in response to new vaccine safety concerns. Canberra: Australian Government, Department of Health; 2021. https://www.health.gov.au/news/atagi-statement-on-astrazeneca-vaccine-in-response-to-new-vaccine-safety-concerns
- Australian Technical Advisory Group on Immunization. ATAGI statement on revised recommendations on the use of COVID-19 Vaccine AstraZeneca, 17 June 2021. Canberra: Australian Government, Department of Health; 2021. https://www.health.gov.au/news/atagi-statement-on-revised-recommendations-on-the-use-of-covid-19-vaccine-astrazeneca-17-june-2021
- Australia’s vaccine agreements. Australian Government, Department of Health; 2021. https://www.health.gov.au/initiatives-and-programs/covid-19-vaccines/about-rollout/vaccine-agreements
- Frances Mao. Covid vaccine: Why are Australians cancelling AstraZeneca jabs?; 22 June 2021. https://www.bbc.com/news/world-australia-57549796
- Australian Bureau of Statistics. Household Impacts of COVID-19 Survey; 14 July 2021. https://www.abs.gov.au/statistics/people/people-and-communities/household-impacts-covid-19-survey/latest-release#covid-19-vaccination
- Christopher Knaus. One in four unvaccinated Australians over 70 waiting for ‘different vaccine’; 14 July 2021. https://www.theguardian.com/australia-news/2021/jul/14/one-in-four-unvaccinated-australians-over-70-waiting-for-different-vaccine-poll-finds
- National Cabinet Statement; 28 June 2021. https://www.pm.gov.au/media/national-cabinet-statement-5
- Bevan Shields. AstraZeneca creator says Australia’s mixed messages on vaccine may cost lives; 30 July 2021. https://www.smh.com.au/world/europe/astrazeneca-creator-says-australia-s-mixed-messages-on-vaccine-may-cost-lives-20210730-p58e8v.html
- Christopher Knaus. Some GPs refuse to give AstraZeneca jab to young Australians eager to get Covid vaccine; 29 June 2021. https://www.theguardian.com/australia-news/2021/jun/29/some-gps-refuse-to-give-astrazeneca-jab-to-young-australians-eager-to-get-covid-vaccine
- Bang Xiao, Tahlea Aualiitia, Natasya Salim and Samuel Yang. Misinformation about COVID vaccines is putting Australia’s diverse communities at risk, experts say; 4 Mar 2021. https://www.abc.net.au/news/2021-03-04/covid-19-vaccine-misinformation-cald-communities/13186936
- Erwin Renaldi. Families divided over COVID-19 misinformation from conflicting news sources; 6 Apr 2021. https://www.abc.net.au/news/2021-04-06/families-divided-over-covid-coronavirus-misinformation/100038156
- PPTV Online. ชาวเน็ตถล่มเดือด ผลศึกษา สธ. พบ “ซิโนแวค” ป้องกันโควิดอัลฟา 90% เดลตา 75%. 21 กรกฎาคม 2564. https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/152229
- PPTV Online. ยอดจอง “โมเดอร์นา” เต็มแล้ว ปชช.แห่จองวันแรกจนเว็บรพ.รามาฯล่ม. 5 กรกฎาคม 2564. https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/150884
- Matichon Online. ชาวโคราชแห่จอง ‘โมเดอร์นา’ เอกชนจนเว็บล่ม – รพ.มหาราชจ่อเปิดจอง ‘ซิโนฟาร์ม’ 3 ส.ค. 30 กรกฎาคม 2564. https://www.matichon.co.th/region/news_2857121
- BBC Thai. นายกฯ ให้เดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดสูตรผสม แต่ รพ. บางแห่งประกาศงดฉีด กันความสับสน. 14 กรกฎาคม 2564. https://www.bbc.com/thai/thailand-57832770
- Larson, Heidi J. 2018. “Politics and public trust shape vaccine risk perceptions” Nature Human Behavior 2:316. https://doi.org/10.1038/s41562-018-0331-6
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Comparative Assessment of the Pandemic Responses in Australia and Thailand ได้รับทุนสนับสนุนจาก The Australia-ASEAN Council, Australia-ASEAN Council COVID-19 Special Grants Round กระทรวงการต่างประเทศและการค้าประเทศออสเตรเลีย
ติดตามข้อมูลและข่าวสารของโครงการได้จาก
Website: https://www.austhaipandemic.com
Facebook: https://www.facebook.com/AusThaiPandemic