บมจ.สยามราชธานี หรือ SO ดึง ‘จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา’ ซีอีโอ Bitkub ร่วมเป็นกรรมการบริษัทเพื่อเสริมกลยุทธ์ SO ให้แข็งแกร่ง พร้อมลุยธุรกิจปี 2565 ขณะที่ราคาหุ้นตอบรับเชิงบวกตลอดวัน โดยปรับเพิ่มขึ้น 14.29% ราคาปิดที่ 22.40 บาท เพิ่มขึ้น 2.80 บาทจากวันก่อนหน้า ขณะที่ราคาตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน (YTD) ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 153.68%
ณัฐพล วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ผู้นำด้านธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจร (Outsourcing Services) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้มีการแต่งตั้ง จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ดำรงตำแหน่งกรรมการ กรรมการอิสระ และกรรมการยุทธศาสตร์ของบริษัท แทนกรรมการที่ลาออกไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
“เหตุผลที่มีการแต่งตั้งคุณจิรายุสเป็นกรรมการแทนตำแหน่งกรรมการที่ว่างลง เนื่องจากเห็นว่าเป็นบุคคลและผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ และมีศักยภาพที่น่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้กับสยามราชธานีเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต” ณัฐพลกล่าว
ทั้งนี้ ตามกฎหมายตำแหน่งกรรมการดังกล่าว SO สามารถแต่งตั้งได้เลย เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ว่างอยู่โดยไม่ต้องขอมติประชุมผู้ถือหุ้น
กรอบหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการด้านยุทธศาสตร์คือช่วยกำกับให้ฝ่ายบริหารจัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังร่วมพิจารณากลั่นกรองของฝ่ายจัดการที่มีการนำเสนอโครงการต่างๆ หรือการขยายกิจการการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมคำนึงถึงความเสี่ยงจากการลงทุนด้วยเช่นกัน รวมถึงการกำกับศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการการลงทุนในธุรกิจ และติดตามความคืบหน้าจากโครงการที่ลงทุน พร้อมให้คำแนะนำต่างๆ ต่อปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นกับโครงการ
สำหรับ จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ ท๊อป ปัจจุบันอายุ 31 ปี เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) และบล็อกเชนเทคโนโลยี โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ Bitkub ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้บริการการซื้อขายเงินดิจิทัลต่างๆ จนปัจจุบันได้ประกาศเป็นยูนิคอร์นลำดับที่สองของประเทศไทย
ทั้งนี้ SO ประกอบธุรกิจใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
- ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร (Outsourcing Services) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจบริการบริหารจัดการ ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการจัดหาพนักงานขับรถยนต์ พนักงานสำนักงาน พนักงานช่างเทคนิค และบริการงานบันทึกข้อมูล (2) ธุรกิจบริการดูแลภูมิทัศน์
- ธุรกิจให้เช่าและบริการ เป็นการให้บริการรถยนต์ให้เช่า และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
ด้านผลการดำเนินงานของ SO งวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวม 1,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,524.48 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 126.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 100.73 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 4/64 คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ปีนี้ และไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว จากสถานการณ์โควิดที่คาดว่าจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และมีการเปิดประเทศ โดยคาดว่าลูกค้าด้านงานบุคลากรมีโอกาสจ้างงานเพิ่ม และในส่วนของกลุ่มงานพนักงานขับรถ ส่วนแบ่งรายได้ค่าล่วงเวลา (โอที) ของพนักงานขับรถส่งของบริษัทจะกลับมามากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทมีโครงการใหม่ๆ ที่มี Potential ในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังได้แก่
- โครงการเช่ารถดัดแปลงประเภทรถเครน สัญญาเช่าระยะยาวมากกว่า 10 ปี
- งาน IT Outsourcing อาทิ UI Designer, Project Manager, Database Administration และ IT Help Desk เป็นต้น
- งาน Outsource ในกลุ่มพนักงานขับรถ กว่า 2,000 อัตรา
- Technology บริการพัฒนาระบบให้ตรงตามความต้องการลูกค้า ได้แก่ ระบบอ่านมาตรค่าน้ำ ระบบแสดงผลพิกัดผู้ใช้น้ำ ระบบบันทึกข้อมูลใบสมัครสมาชิก ระบบสลิปเงินเดือน
ขณะเดียวกัน ได้คงประมาณการกำไรปี 2564 เติบโต 14% จากปีที่แล้ว เป็น 160 ล้านบาท เนื่องจาก
- รายได้จากกลุ่มลูกค้าเอกชนที่ฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ขณะที่ธุรกิจ HRM มีการขยายการให้บริการใหม่โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยเสริม โดยประมาณการรายได้ปีนี้เติบโต 7% จากปีที่แล้ว เป็น 2,169 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่มองเติบโต 11-12%
- ประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น หลักๆ มาจากนโยบายควบคุมต้นทุนตั้งแต่
กลางปีก่อน ทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน และนำระบบ Automation มาทดแทน ซึ่งจะเห็นผลบวกเต็มปีในปีนี้ รวมถึงงานจากลูกค้าใหม่ที่ให้บริการเช่ารถดัดแปลง ซึ่งมีมาร์จิ้นที่สูงกว่าเดิม และคาดต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังจากการนำเงินได้จาก IPO ไปชำระหนี้
นอกจากนี้ SO ยังมีดีลในการเข้าซื้อกิจการ M&A เพื่อต่อยอดธุรกิจราว 3 ดีล ได้แก่ การจ้างงาน IT ภายนอก บริษัทซอฟต์แวร์ และการจัดอบรมบุคลากร คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/64 โดยขนาดรายได้ที่ราว 200-300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลบวกเต็มปีในปี 2565
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP