หลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะเพื่อนบ้านอาเซียน เริ่มเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกขั้นสูงอย่าง SMR (Small Modular Reactor) หรือ “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก” ซึ่งไทยยังอยู่ในช่วงถกเถียงและลังเลว่าจะเดินไปในทิศทางไหน
ราช กรุ๊ป และ กลุ่มสหพัฒน์ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทย ไม่รอช้า ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่า ต่างกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ ศึกษาโมเดลนี้ แม้ว่ายังต้องรอแผนพัฒนาไฟฟ้าหรือ PDP ฉบับปรับปรุงที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ
อย่างไรก็ตาม อนาคตของพลังงาน ไทยไม่ควรพึ่งพาแหล่งพลังงานรูปแบบเดิมเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป เพราะด้วยการเข้ามาของ Data center , AI พลังงานสะอาดจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ล่าสุด ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เป็นหนึ่งในทางเลือกพลังงาน ที่หลายประเทศให้ความสนใจ โดยเฉพาะเพื่อนบ้าน อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด (ร่าง) แผน PDP เวอร์ชัน 2024 ปรับเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 51% บรรจุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR สำคัญอย่างไร ทำไมคนไทยต้องรู้?
- Google เล็งหาพลังงาน ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ SMR’ เทคโนโลยีใหม่ที่ไทยเร่งศึกษา อนาคตอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมพลังงานสะอาดและเข้ามาทดแทนถ่านหิน
- ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์’ ฝันใหญ่ของไทยและฟิลิปปินส์… ทำไมถึงต้องเลือกกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้งในรอบหลายสิบปี
- ปตท. ศึกษาธุรกิจโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ปัจจุบันไทยได้บรรจุไว้ใน ‘ร่างแผน’ พัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP 2024) ระยะยาว 20 ปี โดยช่วงปลายแผนระบุว่า จะบรรจุ SMR ไว้ที่ปริมาณ 600 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาภาคประชาชน ภาคเอกชน ให้ความสนใจกับแนวทางของ SMR เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงสะท้อนหลายมุมที่ต้องศึกษาอย่างรอบด้าน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาดำเนินการนานถึง 10-12 ปี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะเป็นหน่วยงานนำร่อง SMR แต่หากเอกชนรายใดพร้อมก็สามารถเสนอแผนมาได้ โดยจะมีสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นผู้กำหนดมาตรฐานร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเร็วๆนี้ จากการที่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) จัดเสวนา ‘Thailand’s SMR Energy Forum – A Global Dialogue on SMR Deployment’ เพื่อแสดงความพร้อมลงทุน และหาพาร์ตเนอร์จากประเทศต่างๆ พบว่า มีนักลงทุนทั้งจีน ญี่ปุ่น แคนาดา ยูเครน ให้ความสนใจร่วมงาน
“หาก SMR มีความต้องการสูง และประชาชนให้การตอบรับ อาจเพิ่มสัดส่วนมากกว่า 600 เมกะวัตต์ เพราะปัจจุบันความต้องการไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมเพียง 1 แห่ง ก็หลักพันเมกะวัตต์แล้ว” ประเสริฐกล่าว
ลุ้นรัฐเคาะแผน PDP2025 บรรจุ SMR 600 เมกะวัตต์
ประเสริฐ กล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงาน โดยพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างตั้งกรรมการขึ้นมาจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ หลังประชาพิจารณ์ร่าง PDP 2024 แล้วคิดเห็นไม่ตรงกัน
โดย PDP ฉบับใหม่นี้ จะพิจารณา SMR เข้ามา รวมถึงบรรจุแผนพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจน และเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้ คาดว่า PDP ฉบับใหม่นี้จะแล้วเสร็จและประกาศใช้ปีนี้ และจะปรับเป็นแผนที่ชื่อว่า PDP2025
ด้านนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราชกรุ๊ปพร้อมลงทุนร่วมกับสหพัฒน์ และพันธมิตรที่สนใจ โดยวงเงินทุนจะพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งงบปกติของราชกรุ๊ปตั้งงบลงทุน ปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่ ‘ยังไม่สามารถระบุ’ ได้แต่ทราบว่าทางสหพัฒน์มีพื้นที่อยู่แล้ว บริษัทจะร่วมกันศึกษาพัฒนาโมเดล
เหตุผลที่เล็งลงทุน SMR นั้นก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ ความมั่นคงและเป็นพลังงานสะอาดให้กับระบบไฟฟ้ารองรับไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงจากไฟตก หรือไฟดับในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงได้เป็นอย่างดี
“โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเกิดขึ้นมานานกว่า 70 ปีที่แล้ว มีการพัฒนาเทคโนโลยีมาโดยตลอด ปัจจุบัน มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เดินเครื่องอยู่ 417 โรง จาก 31 ประเทศทั่วโลก”
แม้แต่ญี่ปุ่นยังกลับมาเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว 10 กว่าโรงและเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มอีก ส่วนสหรัฐฯ มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกือบ 100 โรง จีนอีกราว 50 โรง
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี SMR รุดหน้าเป็นอย่างมาก ไทยก็มีแผนที่จะนำ SMR มาใช้ โดยมีการศึกษาและเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ แล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานและเป็นทางเลือกพลังงานสะอาดที่ควรต้องคว้าโอกาส
แนะไทยไม่ควรพึ่งพาแหล่งพลังงานรูปแบบเดิมอีกต่อไป
วิชัย กุลสมภพ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI กล่าวว่า การขับเคลื่อนเทคโนโลยี SMR อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย แต่ในระดับโลกถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
“จุดเริ่มต้นที่สนใจก็มาจากท่านประธาน ได้แนวคิดและศึกษามาจากประเทศญี่ปุ่น
นอกจาก SMR จะเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานสะอาด ที่จะมาแทนที่โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคตในไทย”
ทั้งนี้ แม้ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาและวางแผน ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการในหลายด้าน ทั้งด้านกฎหมาย การกำกับดูแล การคัดเลือกเทคโนโลยี การเลือกพื้นที่ติดตั้ง แต่ในแง่การก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPI ในฐานะภาคเอกชน จะร่วมสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ และเล็งเห็นว่า อนาคตของพลังงานไม่ควรพึ่งพาแหล่งพลังงานรูปแบบเดิม เพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป
“การหาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยั่งยืน ควรเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลายเป็นความท้าทายระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค ที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ Carbon Neutrality และพลังงานสีเขียว นี่จะเป็นก้าวแรกของความร่วมมือ ที่มีศักยภาพสร้างความเปลี่ยนแปลง ในอนาคตพลังงานของไทย”
ไทยควรมีแผนพลังงานสะอาดรองรับ Big tech ระดับโลก
ขณะที่ Krungthai COMPASS ประเมินว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามกำลังไฟฟ้าของ Data Center ในไทยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 72.4 เมกะวัตต์ในปี 2566 เป็น 269.9 เมกะวัตต์ในปี 2572 หรืออยู่ที่ราว 2.36 พันล้านหน่วยไฟฟ้าต่อปี
เนื่องจากผู้ให้บริการ Data Center ชั้นนำโลกที่มีแผนที่จะสร้าง Data Center ในไทย เช่น Google, Amazon Web services และ CtrlS มีเป้าหมายที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด ภายในปี 2573
ประกอบกับ ภาครัฐมีแผนที่จะอนุญาตให้โรงไฟฟ้าของ ภาคเอกชนสามารถขายและส่งไฟฟ้า ให้บริษัทชั้นนำของโลกที่ลงทุนในไทย ผ่านระบบโครงข่ายของภาครัฐ โดยเบื้องต้นจะนำร่อง ส่งไฟฟ้าจำนวนไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ ทั้งหมดนี้ จะส่งผลให้ผู้ให้บริการ Data Center มีแนวโน้มซื้อไฟฟ้าจากธุรกิจผลิต ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้น
เพื่อนบ้านอาเซียนเล็งฟื้นแผน SMR
รายงานข่าว ระบุว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียน เริ่มมีความพยายามเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานทางเลือก โดยมองว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลร์ขนาดเล็ก (SMR) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ต่ำกว่า เป็นทางออกด้านพลังงานยุคใหม่
ปัจจุบัน อินโดนีเซียมีความก้าวหน้ามากที่สุด โดยมีการยืนยันพื้นที่ที่มีศักยภาพแล้วกว่า 29 แห่ง อย่างไรก็ตาม การพัฒนายังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ
แต่ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจและแรงกระตุ้นจากการใช้เทคโนโลยี คาดว่าอาเซียนจะมีสัดส่วนการเติบโตสูง และมีความต้องการใช้พลังงานถึง 1 ใน 4 ของโลก
แม้ว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลจะยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลัก แต่ทางเลือกด้านพลังงานคาร์บอนต่ำ รวมถึงพลังงานนิวเคลียร์ นั่นจึงเป็นหนึ่งในทางออกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา อีกทั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
นอกจากอินโดนีเซีย ยังมีฟิลิปปินส์ได้เลือกซัพพลายเออร์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลร์ขนาดเล็กจากสหรัฐอเมริกาแล้ว
รวมถึงรัฐสภาเวียดนามได้ผ่านกฎหมายเพื่อเริ่มการผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์อีกครั้งในปี 2567แต่ความก้าวหน้ามากที่สุดคืออินโดนีเซีย ที่ได้เริ่มวางแผนเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกในปี 2575
เฮนรี เพรสตัน ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรของสมาคมนิวเคลียร์โลก ระบุว่า สถาบันการเงิน 14 แห่งทั่วโลกสนับสนุนเป้าหมายในการเพิ่มกำลังการผลิตนิวเคลียร์เป็น 3 เท่าภายในปี 2593
เขายังคาดการณ์ว่านโยบายและกฎระเบียบ ด้านนิวเคลียร์ที่ดี จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้อกังวลด้านความปลอดภัย ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดย IEA เน้นย้ำว่า การยอมรับพลังงานนิวเคลียร์ของสาธารณชน จึงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการจัดการกากนิวเคลียร์และวัสดุที่ปนเปื้อนรังสี ที่สำคัญ จากกรณีศึกษา นิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลในปี 2529 และ ฟุกุชิมะในปี 2554
นอกจากนี้ IEA ยังชี้ให้เห็นว่า เทคโนโลยีนิวเคลียร์ ยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวด โดยบางประเทศ ซึ่งรัสเซียครองสัดส่วน 40% ของปริมาณเชื้อเพลิงยูเรเนียมทั่วโลก
บวกกับการขาดแคลนวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการฝึกอบรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคเฉพาะ ยังคงเป็นเรื่องท้าทาย
บริษัทอุตสาหกรรมพลังงานไทย พร้อมลงทุน SMR
THE STANDARD WEALTH สำรวจบริษัทเอกชนพลังงานที่สนใจและมีแผนศึกษาการลงทุนในเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ในประเทศไทย มีทั้ง GPSC (เครือ ปตท.), BGRIM, Gulf Energy, EGCO, ราชกรุ๊ป-สหพัฒน์ , WHA และ บ้านปู
โดยบริษัทเหล่านี้มองว่า SMR เป็นทางเลือกพลังงานสะอาดที่สามารถผลิตไฟฟ้ามั่นคง และตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคอุตสาหกรรม ทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
ภาพ: jotily / Getty Images
อ้างอิง: