85% ของ SMB ไทยเข้าสู่ดิจิทัลแล้ว แต่ 80% ยังใช้ ‘บัตรส่วนตัว’ หมุนเงินธุรกิจ
นี่คือภาพสะท้อนที่น่าสนใจจากการศึกษาเกี่ยวกับความต้องการบริการทางการเงินแบบดิจิทัลและการชำระเงินของธุรกิจ SMB ในประเทศไทย โดย วีซ่า
ในวันที่เจ้าของธุรกิจไทยขายของผ่านช่องทาง E-Commerce ได้เกือบทั้งหมด แม้จะเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล แต่เมื่อหันกลับมาดู ‘ระบบการเงินหลังบ้าน’ กลับยังติดอยู่กับการใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตส่วนตัว ซึ่งทำให้การเงินสับสน บัญชีปะปนระหว่างค่าใช้จ่ายส่วนตัวกับค่าใช้จ่ายของธุรกิจ จนยากต่อการติดตามต้นทุนหรือข้อมูลการทำบัญชีที่แท้จริง
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเลขเหล่านี้ยังสะท้อน ‘ความเสี่ยง’ ที่ซ่อนอยู่ เพราะเมื่อบัญชีไม่ชัดเจน จะทำให้งบการเงินมีโอกาสผิดพลาด ความโปร่งใสลดลง และสุดท้าย ความน่าเชื่อถือทางการเงินจะสั่นคลอนในสายตาธนาคาร นักลงทุน หรือแม้แต่คู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ SMB ไม่สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ
ระบบการเงินหลังบ้านแข็งแรง ธุรกิจโตยั่งยืน
เมื่อความสำคัญของ ‘ระบบการเงินหลังบ้านที่แข็งแรง’ สำหรับธุรกิจ คือเรื่องสำคัญ ที่ SMB ไม่เพียงแค่จัดการตัวเลขให้เป็นระเบียบ แต่คือ ‘เสาหลักเชิงกลยุทธ์’ ที่จะกำหนดทิศทางการเติบโตในระยะยาว โดยสะท้อนผลลัพธ์ที่ชัดเจนในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ควบคุมการเงินอย่างแม่นยำ: เมื่อรายรับ-รายจ่ายถูกบันทึกอย่างเป็นระบบ เจ้าของธุรกิจจะเห็นภาพการเงินชัดเจนขึ้น สามารถวางแผนการใช้จ่ายและการลงทุนได้ตรงจุด ทำให้ใช้เงินได้เกิดประโยชน์สูงสุด
- บริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ: ช่วยให้ธุรกิจรักษาสภาพคล่อง พร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิด และยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้คว้าโอกาสได้ทันที
- ลดความเสี่ยง เพิ่มความมั่นใจ: ลดความผิดพลาดและโอกาสในการทุจริต ขณะเดียวกันยังทำให้ผู้บริหารและทีมงานทำงานบนข้อมูลที่เชื่อถือได้ ลดการตัดสินใจผิดพลาดที่อาจกระทบต่อทั้งองค์กร
- สร้างความน่าเชื่อถือ: เมื่องบการเงินโปร่งใสและตรวจสอบได้ จะเป็นใบเบิกทางในการเข้าถึงเงินทุนและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ทำให้มีความเป็นมืออาชีพ และน่าเชื่อถือ
เริ่มจากใช้ ‘บัตรเพื่อธุรกิจ’ โดยเฉพาะ
หนึ่งในก้าวแรกที่ทำให้ระบบการเงินหลังบ้านแข็งแรงขึ้น คือการเปลี่ยนจากการใช้บัตรส่วนตัวมาเป็น ‘บัตรเพื่อธุรกิจ’ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเดบิต บัตรพรีเพด หรือบัตรเครดิต ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อจัดเก็บข้อมูลและติดตามธุรกรรมอย่างเป็นระบบ ทำให้การเงินของกิจการแยกออกจากค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้อย่างชัดเจน
บัตรเพื่อธุรกิจยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ SMB โดยตรง เช่น ระบบติดตามค่าใช้จ่าย การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์บัญชี ที่ช่วยให้เจ้าของกิจการเห็นภาพรวมการเงินแบบเรียลไทม์
โดยเฉพาะ ‘บัตรเครดิตเพื่อธุรกิจ’ ที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องด้วยวงเงินหมุนเวียนที่เหมาะสม และยังเปิดโอกาสให้ลงทุนได้ทันที พร้อมสิทธิประโยชน์ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจ เช่น โปรแกรมสะสมแต้ม ประกันการเดินทาง การคุ้มครองสินค้า และส่วนลดบริการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ที่สำคัญคือยังเชื่อมโยงไปถึง ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ในอนาคต เมื่อธุรกิจมีประวัติการใช้จ่ายที่ชัดเจนและมีวินัยทางการเงิน ก็จะเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนในเงื่อนไขที่ดีกว่า
Virtual Business Card โซลูชันที่ตอบโจทย์ SMB
อย่างไรก็ตาม โลกธุรกิจไม่หยุดแค่การใช้บัตรธุรกิจแบบเดิม ยังมีการพัฒนาสู่ ‘บัตรเวอร์ชวล (Virtual Business Card)’ บัตรเครดิต/เดบิตดิจิทัล ที่ใช้ชำระเงินออนไลน์แทนบัตรแข็งจริง มีข้อมูลบัตรที่สร้างขึ้นทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการใช้งาน ที่ออกแบบมาเพื่อการบริหารการเงินที่คล่องตัวและยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิม
จุดแข็งของ Virtual Business Card อยู่ที่ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัลโดยตรง สำหรับเจ้าของธุรกิจ แทนที่จะเปิดวงเงินเต็มจำนวน ก็สามารถบริหารการใช้บัตรได้ด้วยการกำหนดวงเงินการใช้จ่าย ระยะเวลาในการใช้บัตร การติดตามธุรกรรมแบบเรียลไทม์ การตั้งวงเงินตามวัตถุประสงค์ในการชำระเงิน ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับระบบบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างไร้รอยต่อ
จากการศึกษาของวีซ่า พบว่า มากกว่า 80% ของ SMB เชื่อว่าการใช้บัตรเวอร์ชวลจะช่วยลดความจำเป็นในการนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายในธุรกิจ สะท้อนชัดว่าเครื่องมือการเงินดิจิทัลกำลังกลายเป็นทางเลือกหลักของผู้ประกอบการยุคใหม่
สำหรับเหตุผลในการเลือกใช้ก็ชัดเจน
- 60% ให้ความสำคัญกับการติดตามรายรับ-รายจ่าย
- 50% ต้องการความสะดวกที่ใช้งานได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ
- 35% มองถึงความสามารถในการผูกกับบัญชีธนาคาร
- 30% ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงข้อมูลบัญชีแบบเรียลไทม์
ตัวเลขเหล่านี้ยังชี้ชัดว่า แนวโน้มของ SMB ไทยกำลังเคลื่อนสู่โซลูชันทางการเงินที่ชาญฉลาด คล่องตัว และปรับขนาดได้ตามความต้องการ ซึ่งไม่เพียงช่วยจัดการการเงินให้มีประสิทธิภาพ แต่ยังเสริมศักยภาพการแข่งขันในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โลกเปลี่ยนแล้ว SMB ต้องมีพันธมิตรที่ใช่
เมื่อเครื่องมือดิจิทัลเพื่อการเงินก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ เชื่อว่าผู้ประกอบการหลายคนคงกำลังคงตั้งคำถามว่า ใครจะเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างเต็มที่?
โดย รอย เชาเดอร์รี เดบารุน รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายการค้าและโซลูชันธุรกรรมทางการเงิน ของวีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “ในขณะที่ธุรกิจ SMB ไทย กำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ความต้องการของพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่เครื่องมือทั่วไป แต่ต้องการโซลูชันที่สามารถใช้งานได้จริง และตอบโจทย์การทำงานในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม วีซ่า เดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนเส้นทางสู่ความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจทุกคนด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะมาช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ย่นระยะเวลาในการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินให้กับธุรกิจในทุกระดับ”
‘วีซ่า’ ในฐานะผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เชื่อมั่นในพลังของความร่วมมือ และพร้อมเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพที่กำลังเติบโต หรือร้านค้าครอบครัว ผ่านโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจไทยทันต่อการเปลี่ยนแปลง และขยายโอกาสได้อย่างมั่นใจ
สำหรับผู้ประกอบการที่ยังลังเลว่าพร้อมหรือไม่ นี่อาจเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการก้าวไปพร้อมกับวีซ่า พันธมิตรที่จะเติบโตไปพร้อมกับคุณ และทำให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ที่มา: การศึกษาเกี่ยวกับความต้องการบริการทางการเงินแบบดิจิทัลและการชำระเงินของธุรกิจ SMB ในประเทศไทย โดย วีซ่า จัดทำในเดือนพฤษภาคม 2568 โดยสำรวจความคิดเห็นของธุรกิจ SMB จำนวน 800 ราย ในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนพนักงานระหว่าง 5 ถึง 200 คน และมีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 2 ล้านบาท ไปจนถึง 500 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วประเทศ