10 เทคนิคใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด THE STANDARD

บัตรเครดิตเปรียบเสมือนเครื่องมือทางการเงินสองคม หากใช้อย่างถูกต้องก็จะเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม แต่หากใช้อย่างไม่ระมัดระวังก็อาจสร้างภาระหนี้สินได้ และนี่คือ 10 เคล็ดลับการใช้บัตรเครดิตให้มีประสิทธิภาพและไม่ตกเป็นทาสของหนี้บัตรเครดิต

ชำระเงินตรงเวลาเสมอ

นี่คือกฎเหล็กของการใช้บัตรเครดิตที่ทุกคนต้องจำขึ้นใจ การชำระเงินตรงเวลาไม่เพียงแต่ช่วยให้เราไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าและดอกเบี้ยที่สูงลิ่วเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการสร้างประวัติเครดิตที่ดีอีกด้วย

ประวัติเครดิตที่ดีจะทำให้เราได้รับการอนุมัติสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคตได้ง่ายขึ้น เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ หรือแม้กระทั่งการขอเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต

ควบคุมอัตราการใช้สินเชื่อ

อัตราการใช้สินเชื่อ คือสัดส่วนของยอดหนี้คงค้างเทียบกับวงเงินบัตรเครดิตทั้งหมดของเรา ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีวงเงิน 100,000 บาท และมียอดหนี้ค้างชำระ 30,000 บาท อัตราการใช้สินเชื่อของเราคือ 30%

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รักษาอัตราส่วนนี้ไว้ที่ ไม่เกิน 30% เพราะยิ่งอัตราส่วนนี้ต่ำเท่าไหร่ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าเราสามารถบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างมีวินัย และเป็นสัญญาณที่ดีต่อสถาบันการเงินที่พิจารณาสินเชื่อ ในขณะที่อัตราที่สูงขึ้นอาจบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการใช้เครดิตเกินวงเงิน

จ่ายให้มากกว่ายอดขั้นต่ำ

การจ่ายเพียงยอดขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด อาจดูเหมือนง่ายและไม่เป็นภาระในระยะสั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยอดหนี้ที่เหลือจะถูกนำไปคิดดอกเบี้ย ซึ่งมักมีอัตราสูงถึง 16% ต่อปี และการจ่ายขั้นต่ำทำให้ดอกเบี้ยถูกคำนวณสองเด้ง ทั้งจากยอดหนี้เต็มจำนวนในช่วงแรก แล้วก็คิดยอดหนี้ที่เหลือในภายหลัง ซึ่งทำให้ยอดหนี้สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนที่ 1: ดอกเบี้ยเงินต้น คิดจากยอดหนี้ทั้งหมดตั้งแต่วันที่รูดบัตรจนถึงก่อนวันชำระเงิน 1 วัน

ตัวอย่าง รูดบัตร 10,000 บาท (วันที่ 18 พ.ค.) แล้วชำระขั้นต่ำวันที่ 2 ก.ค. (รวม 45 วัน)

ดอกเบี้ยส่วนที่ 1 = 10,000×16%×(45/365) = 197.26 บาท

ส่วนที่ 2: ดอกเบี้ยค้างชำระ คิดจากยอดหนี้ที่เหลือ (หลังจากชำระขั้นต่ำแล้ว) ตั้งแต่วันที่ชำระขั้นต่ำจนถึงวันสรุปยอดบัญชีถัดไป

ตัวอย่าง ชำระขั้นต่ำไป 1,000 บาท ยอดหนี้เหลือ 9,000 บาท (ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. ถึงวันสรุปยอด 17 ก.ค. รวม 16 วัน)

ดอกเบี้ยส่วนที่ 2 = 9,000×16%×(16/365) = 63.12 บาท

รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดในรอบบิลนี้ คือ 197.26+63.12 = 260.38 บาท

ยอดหนี้คงเหลือที่ยกไปรอบบิลถัดไปจึงเป็น 9,000+260.38 = 9,260.38 บาท

ดังนั้น คำแนะนำการใช้บัตรเครดิตให้ดีที่สุด คือจ่ายให้มากกว่ายอดขั้นต่ำ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วิธีนี้จะช่วยให้ลดภาระดอกเบี้ย และสามารถปลดหนี้ได้เร็วกว่าที่คิดไว้มาก

หลีกเลี่ยงการมียอดค้างชำระข้ามเดือน

หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ การคงยอดค้างชำระไว้เพื่อสร้างเครดิต แต่ความจริง วิธีการนี้อาจทำให้เราเสียเงินมากกว่าที่จะช่วยได้ การมียอดค้างชำระไว้ทุกเดือนหมายความว่าเราจะต้องเสียดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานะการเงินของเราเติบโตได้ยาก

เคล็ดลับที่ดีที่สุดในการใช้บัตรเครดิตคือ ชำระเต็มจำนวนทุกรอบบิล เพื่อไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะหากมียอดค้างชำระข้ามเดือน ยอดหนี้ทั้งหมดจะถูกคิดดอกเบี้ยทันที การใช้บัตรเครดิตให้เหมือนกับการใช้เงินสดในบัญชี คือใช้เท่าที่จำเป็นและสามารถจ่ายคืนได้เต็มจำนวน จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้บัตรเครดิตได้ และช่วยภาพรวมคะแนนเครดิตในระยะยาวอีกด้วย

ตรวจสอบรายงานเครดิตบูโรเป็นประจำ

รายงานเครดิตบูโรเป็นเหมือนสมุดพกทางการเงินของเรา การตรวจสอบรายงานเครดิตอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เรามั่นใจว่าข้อมูลส่วนตัวและประวัติการชำระหนี้ถูกต้องครบถ้วน และหากพบข้อมูลที่ผิดพลาด เช่น ยอดหนี้ที่ไม่ถูกต้อง หรือบัญชีที่เราไม่ได้เปิด เราจะสามารถแจ้งแก้ไขได้ทันที ซึ่งการแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดจะช่วยป้องกันปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ตรวจสอบใบแจ้งยอดบัญชีบัตรเครดิตอย่างรอบคอบทุกเดือน

การใช้บัตรเครดิตจับจ่ายหลายครั้ง อาจทำให้เราจำรายละเอียดการใช้จ่ายไม่ได้ทั้งหมด ดังนั้น การตรวจสอบใบแจ้งยอด ทุกเดือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถตรวจสอบรายการใช้จ่าย ว่าตรงกับที่เราใช้ไปจริงหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบค่าธรรมเนียมรายปีหรือค่าปรับใดๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน และหากพบรายการที่น่าสงสัย หรือไม่ใช่ยอดใช้จ่ายของเราเอง ควรติดต่อธนาคารทันทีเพื่อตรวจสอบและระงับรายการดังกล่าว

ควบคุมพฤติกรรมการใช้จ่ายและอยู่ในงบประมาณ

ก่อนที่จะใช้บัตรเครดิตให้ประเมินความจำเป็น ว่าสิ่งของที่เราจะซื้อนั้นจำเป็นจริงๆ หรือไม่ และเงินในบัญชีของเราเพียงพอที่จะชำระคืนได้ หนึ่งเทคนิคที่ดีคือ การใช้บัตรเครดิตเหมือนเงินสด ใช้จ่ายแค่เท่าที่รู้ว่าสามารถจ่ายได้เต็มจำนวนในแต่ละเดือน

การกำหนดงบประมาณการใช้จ่าย ในแต่ละเดือนจะช่วยไม่ให้เราใช้จ่ายเกินตัวและไม่สร้างภาระหนี้สินที่ไม่จำเป็น และยังได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและการสร้างเครดิตที่ดีอีกด้วย

ทำความเข้าใจเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิต

บัตรเครดิตแต่ละใบมีสิทธิประโยชน์และค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน การศึกษาเงื่อนไขก่อนการสมัครจะช่วยให้เราเลือกบัตรที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด เช่น บางบัตรมี ค่าธรรมเนียมรายปี บางบัตรยกเว้นให้หากใช้จ่ายถึงยอดที่กำหนด บางบัตรมีค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดที่สูง หรือมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเมื่อใช้จ่ายในต่างประเทศ การทราบข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราประหยัดเงินได้ในระยะยาว

ใช้บัตรเครดิตอย่างมีกลยุทธ์เพื่อสร้างเครดิต

การใช้บัตรเครดิตอย่างมีความรับผิดชอบ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างประวัติเครดิต ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการกู้ยืมเงินก้อนใหญ่ก้อนอื่นในอนาคต

หากเราเป็นมือใหม่ในการใช้บัตรเครดิต อาจเริ่มต้นด้วยการใช้จ่ายในวงเงินที่น้อยและสามารถชำระคืนได้เต็มจำนวน เพื่อให้ธนาคารเห็นว่าเราเป็นลูกค้าที่มีวินัยทางการเงิน เมื่อประวัติเครดิตของเราดีขึ้น เราจะสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลงได้

เทคนิคที่ดีอย่างหนึ่งคือ การตั้งจ่ายผ่านบัตรเครดิตสำหรับค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เช่น ค่าสมาชิกรายเดือนหรือค่าน้ำ ค่าไฟ จากนั้นใช้ระบบชำระเงินอัตโนมัติเพื่อให้แน่ใจว่ายอดค้างได้รับการชำระเต็มจำนวนในแต่ละเดือน วิธีนี้จะสร้างรูปแบบการชำระเงินตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันก็รักษาอัตราการใช้เครดิตของเราให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลดีต่อคะแนนเครดิตของเราในสองทางหลัก ๆ คือ เสริมสร้างประวัติการชำระเงิน และแสดงให้เห็นถึงการใช้เครดิตอย่างมีความรับผิดชอบ

ตั้งค่าการแจ้งเตือนและใช้เครื่องมือดิจิทัล

เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การบริหารจัดการบัตรเครดิตง่ายขึ้นอย่างมาก ตั้งค่าการแจ้งเตือน ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารเพื่อให้ทราบเมื่อมีการใช้จ่าย เมื่อใกล้ถึงวันครบกำหนดชำระเงิน หรือเมื่อถึงยอดใช้จ่ายที่เรากำหนดไว้ การใช้เครื่องมือดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันติดตามการใช้จ่าย หรือการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ก็จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมทางการเงินของตัวเองได้ชัดเจน และควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดนั้นต้องอาศัยทั้งวินัยและความรอบคอบ การปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตได้อย่างเต็มที่ ได้สร้างโปรไฟล์เครดิตที่ดี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระหนี้สินในอนาคต

ภาพ: d3sign/Getty Images

อ้างอิง: