หุ้น SKIN หรือ บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ เจ้าของผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์ไทย ได้แก่ Skinsista และ Dermie เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก (24 กันยายน) ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเปิดการซื้อขายที่ 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 158% จากราคา IPO ที่ 1.20 บาท และปิดการซื้อขายที่ 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 2.42 บาท จากราคา IPO หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 201.67%
ปัจจุบัน บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ มีกลุ่มลูกค้าหลัก เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน อายุ 18-30 ปี ที่ให้ความสนใจ ในการดูแลตัวเอง สำหรับครึ่งแรกปี 2568 บริษัทมีสัดส่วนรายได้ จากผลิตภัณฑ์ เซรั่มบำรุงผิวหน้า 42.82% ครีมกันแดด 41.76% ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 9.26% ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและอื่นๆ 6.15% เมื่อแบ่งสัดส่วนรายได้ ตามช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจุบันมีรายได้จากช่องทางออฟไลน์ 65% ออนไลน์ 35% และคาดว่าสิ้นปีนี้ยอดขายสุทธิจะเติบโตขึ้น 10%
ตั้งเป้าเป็น Growth stock เติบโต 2 เท่าใน 3 ปี
ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN) เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปวิจัยและพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสกินแคร์ และเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์ Skinsista และ Dermie เพิ่มอีก 12SKUs โดยมีแผนที่จะขยายผลิตภัณฑ์ไปในกลุ่มมอยซ์เจอไรเซอร์ และเครื่องสำอาง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็น segment ที่มีขนาดใหญ่ และเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้หลัก เพิ่มเติมจากกลุ่มสินค้าเดิมที่ทำตลาดอยู่แล้ว
ตลาด ‘บิวตี้ไทย’ โตต่อเนื่องสองหลัก สวนทางเศรษฐกิจ
เขากล่าวว่า ตลาดสกินแคร์ไทย ยังเติบโตต่อเนื่องสองหลัก (Double Digit) ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้สภาพเศรษฐกิจไทย จะเติบโตชะลอลง เนื่องจากเทรนด์ของผู้บริโภค มีพฤติกรรมการช็อปปิ้งแบบ SMART เน้นสินค้าคุณภาพดี มีความคุ้มค่า ในราคาเข้าถึงได้ โดยก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคจะมีการศึกษาส่วนประกอบ ของผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์ เพื่อเปรียบเทียบคุณภาพ รวมถึงให้ความสำคัญกับการรีวิว บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งแบรนด์บิวตี้ไทย มีจุดแข็งคือสามารถทำผลิตภัณฑ์คุณภาพดี ในราคาที่ไม่แพง จึงตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยที่ต้องการซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆในราคาที่จับต้องได้
เข้าเทรดวันแรก ราคาพุ่ง 201.67%
สำหรับการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก (24 กันยายน) ราคาหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 158% จากราคา IPO ที่ 1.20 บาท และปิดการซื้อขายที่ 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 2.42 บาท จากราคา IPO หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 201.67%
ทั้งนี้ SKIN มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 72 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 100 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 44 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 33 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 6.6 ล้านหุ้น กรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือ พนักงานของกลุ่มบริษัท รวมถึงผู้มีความสัมพันธ์ ไม่เกิน 4.4 ล้านหุ้น กำหนดราคาเสนอขายที่ 1.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 52.80 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 172.80 ล้านบาท
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 12 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งเท่ากับ 15.05 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท
หลัง IPO มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ถือหุ้น 24.31% ณัฐพร พงษ์ชาญชวลิต (เป็นคู่สมรสกับนายชาญวิทย์) ถือหุ้น 24.31% และธนชัย ถนอมทรัพย์ ถือหุ้น 20.83%
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภท ตามที่กฎหมาย กำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท