สถานการณ์ในตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตือนว่า อิหร่านอาจปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลในไม่ช้านี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากการโจมตีเกิดขึ้นจริง สหรัฐฯ ก็ยืนยันจุดยืนว่าพร้อมที่จะเข้าปกป้องอิสราเอลที่เป็นพันธมิตรสำคัญอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางและโลกมุสลิม จากภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คาดการณ์ว่า อิหร่านจะตอบโต้อิสราเอลอย่างแน่นอน เพื่อแก้แค้นจากกรณีการโจมตีทางอากาศใส่สถานกงสุลของอิหร่านในซีเรียเมื่อวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีนายทหารระดับสูงของอิหร่าน และสมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (The Islamic Revolutionary Guard Corps: IRGC) เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน โดยอิหร่านปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
ดร.มาโนชญ์ชี้ว่ามี 2 แนวทางที่อิหร่านอาจเลือกตอบโต้ แนวทางแรกคือการตอบโต้โดยตรงเพื่อสร้างความสูญเสียให้กับอิสราเอล อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ ‘เป็นไปได้ยาก’ เพราะ ดร.มาโนชญ์เชื่อว่าอิหร่านไม่ต้องการทำสงครามกับอิสราเอลโดยตรง เนื่องจากอาจทำให้สถานการณ์บานปลาย และเป็นการดึงมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เข้ามาวงความขัดแย้งเต็มตัว ขณะเดียวกันอิสราเอลเองก็ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับอิหร่านโดยตรงเช่นเดียวกัน
แนวทางที่สองคือ การตอบโต้ผ่านตัวแทนหรือพันธมิตรอย่างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กลุ่มฮูตีในเยเมน รวมถึงกลุ่มติดอาวุธในซีเรียและอิรัก ซึ่ง ดร.มาโนชญ์เชื่อว่า แนวทางนี้ ‘เป็นไปได้สูงมาก’ ซึ่งการโต้กลับจากตัวแทนของอิหร่านจะเป็นไปในลักษณะรุนแรงขึ้น และมุ่งโจมตีเข้าไปในเขตอธิปไตยของอิสราเอลมากยิ่งขึ้น
ล่าสุดวันนี้ (13 เมษายน) กระทรวงการต่างประเทศได้ออกประกาศเตือนให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นอิสราเอล อิหร่าน หรือภูมิภาคตะวันออกกลาง
ภาพ: Morteza Nikoubazl / NurPhoto via Getty Images