Paul Smith เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่ภาพจำแรกของลายทางหลากสีสันที่อยู่บนเสื้อผ้า แอ็กเซสซอรี หรือแม้กระทั่งรถ MINI ที่จะขึ้นมาเป็นอย่างแรกเมื่อเราค้นหาภาพใน Google หรือจะเป็น Sir Paul Smith ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษที่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อเกือบ 55 ปีที่แล้ว และยังคงเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพลังบวก ทั้งจากแบรนด์และจากการพูดคุยส่วนตัวกับเขา
ย้อนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา THE STANDARD POP มีโอกาสไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของ Paul Smith ในย่าน Le Marais ของปารีสแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ก่อนไปร่วมชมแฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Fall/Winter 2024 ในช่วง Paris Fashion Week โดยมีเขาพาทัวร์ตึกเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ด้วยตัวเองเป็นการส่วนตัว และไม่พลาดที่จะพูดถึงการเปิดร้านใหม่ในกรุงเทพฯ ที่เขายินดีมาร่วมงานเปิดตัวด้วยตัวเอง
5 เดือนให้หลัง เรากลับมาเจอ Sir Paul Smith อีกครั้งในกรุงเทพฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เขาจะไปร่วมงานเปิดร้านสาขาแฟลกชิปแห่งใหม่ที่ Central Embassy ซึ่งเราก็ได้มีโอกาสพูดคุยถึงทริปครั้งนี้ การเปิดร้านใหม่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ความสนใจในกรุงเทพฯ และก้าวต่อไปของแบรนด์ที่เขาอยากจะทำกับ Paul Smith
ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งที่ไทยนะครับ สำหรับเราแล้ว คุณเป็นดีไซเนอร์ที่ดังเหมือนดาราเลย รู้สึกอย่างไรบ้างที่มาที่นี่เพื่อมาเปิดร้านแฟลกชิปใหม่
มันดีมากเลย เพราะเราเพิ่งเปิดร้านใหม่ และจริงๆ อยากจะเปิดถึง 2 ร้านเลย แบรนด์ Paul Smith ทำได้ดีมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้มีพื้นที่ใหม่ๆ และหวังว่ามันจะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับศูนย์การค้าด้วย เราทำได้ดีในเอเชีย ตั้งแต่เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และตอนนี้ก็เป็นประเทศไทย
ร้านแฟลกชิปสโตร์ของแบรนด์ Paul Smith ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 Central Embassy
ผมชอบ #takenbyPaul ที่คุณถ่าย ผมขอดูภาพที่คุณถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่มาถึงที่นี่ได้ไหม
ได้สิ เมื่อเช้าตอนที่ผมลงเครื่องเวลาประมาณ 06.30 น. ทีมงานพาผมไปที่ปากคลองตลาดทันที เราไปแถวเมืองเก่า ผมชอบย่านเมืองเก่าของทุกเมืองอยู่แล้ว ผมถ่ายภาพร้านขายริบบิ้นมาด้วย เพราะสีคล้ายกับลายทางของเรา แล้วเราก็ไปแกลเลอรีต่อ ชื่อว่าร้าน Woot Woot ที่นี่จัดโชว์ได้สวยมาก ผมถ่ายรูปของวินเทจมาเยอะมากเลย ซึ่งดีมาก
ผมกำลังจะถามเรื่องลายทางหลากสีสันเลย เพราะมันคือเอกลักษณ์ที่เรานึกถึงแบรนด์ Paul Smith มีสิ่งไหนในประเทศไทยที่คุณอยากเทกโอเวอร์ด้วยลายนี้ไหม
เป็นไอเดียที่ดีนะ คุณช่วยผมหาอนุสรณ์หรือสถานที่สวยๆ ให้ผมได้เลย หรืออาจจะรูปปั้นหน้า Central Embassy นี้ก็ได้ และก่อนหน้านี้เราทำบอลลูนยักษ์และให้มันลอยไปยังที่ต่างๆ ทั้งภูเขาไฟฟูจิ ทะเลทรายในสหรัฐอเมริกา ใกล้ๆ กับเมืองลาสเวกัส ไปจนถึงที่อังกฤษ
ตอนนี้กรุงเทพฯ กลายเป็นจุดหมายแห่งใหม่ของแบรนด์ลักชัวรี อะไรในเมืองนี้คือสิ่งที่ดึงดูดคุณและแบรนด์ Paul Smith มากที่สุด
ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ผมจะพยายามทำอะไรที่แตกต่างจากสิ่งที่เขาทำกัน ผมมาที่นี่แค่ 1 วัน พรุ่งนี้มีพูดที่มหาวิทยาลัย และต้องขึ้นเครื่องกลับแล้ว ดังนั้นภายในแค่ 1 วัน คุณต้องใช้สายตาให้เป็นประโยชน์มากที่สุด หลายคนได้แต่มอง แต่เขาไม่เห็น และแยก 2 สิ่งนี้ไม่ออก
พ่อของผมสอนอยู่เสมอ เพราะเขาเป็นช่างภาพสมัครเล่น ว่าให้มองทุกอย่างเหมือนผ่านช่องเล็งภาพ เพราะเราต้องคิดภาพให้ออกก่อนถ่ายและเอาฟิล์มมาล้าง อย่างเช่นเมื่อเช้าแทนที่จะมุ่งตรงไปที่สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ แต่เราไปที่เงียบๆ คนน้อยๆ และได้แรงบันดาลใจ ไปเจอดอกไม้สวยๆ ที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล สำหรับผมมันคลาสสิกมาก เรียบง่ายเหมือนกางเกงยีนส์ และดอกไม้เป็นเสื้อเชิ้ต
Paul Smith เป็นแบรนด์ที่ดูสดใสและมองโลกในแง่บวกอยู่ตลอดเวลา ในวงการแฟชั่นที่บางครั้งเย็นชา ห้ำหั่น และเต็มไปด้วยการแข่งขัน คุณรักษาสิ่งนี้ของแบรนด์ได้อย่างไร
ความโชคดีของผมคือผมมีภรรยาที่ดีอยู่ที่บ้าน เธอช่วยให้เท้าผมติดดิน ทำให้ผมรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ได้ ผมโชคดีมากที่ได้เป็นหัวหน้าคน ดังนั้นผมพยายามไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรที่ไร้สาระที่ไม่จำเป็น
ความท้าทายคือตอนนี้โลกของเราซับซ้อนมาก และยากที่จะดำเนินธุรกิจท่ามกลางสงครามหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย ปีนี้หลายประเทศมีการเลือกตั้ง และสถานการณ์ก็แตกต่างกันไปและนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงเสมอ ผู้คนก็ตื่นตระหนก ดังนั้นสิ่งที่ยากคือการมองโลกในแง่บวก และจำไว้เสมอว่าทุกๆ วันคือวันใหม่
ภาพบรรยากาศงานเปิดแฟลกชิปสโตร์ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2024
ปี 2025 แบรนด์ก็จะครบรอบ 55 ปีแล้ว คุณวางแผนที่จะฉลองความสำเร็จนี้ต่อไปอย่างไร
เราฉลองแน่ๆ เพราะเมื่อตอนครบรอบ 50 ปี เราเตรียมหลายกิจกรรมทั่วโลก แต่ตอนนั้นโควิดระบาด หลายอย่างก็ไม่ได้ทำ แต่อย่างเช่นผมต้องไปเจอนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งอะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำกับนักเรียน-นักศึกษา ผมมี Paul Smith’s Foundation ที่ก่อตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และมันก็ก่อให้เกิดหลายอย่างที่มีคุณค่า ทั้งการเปิดสตูดิโอให้เช่าฟรี มอบรางวัลศิลปะให้นักออกแบบ ซึ่งสุดยอดมาก มันไม่ใช่เรื่องของเงิน แต่คือเรื่องของการสนับสนุนและการได้เป็นที่ปรึกษา เราพยายามที่จะตอบแทนสังคมด้วยส่งที่ผมได้เรียนรู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
