แม้ ‘โซดาสิงห์’ จะอยู่ในตลาดมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้าง Branding ให้มีสีสันอยู่ตลอดเวลา จนสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง และเป็นแบรนด์ที่นั่งอยู่ในใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน
จึงไม่แปลกที่สโลแกน ‘ทุกหยดซ่า โซดาสิงห์’ ยังดูทรงพลังตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ กระทั่งล่าสุดโซดาสิงห์ได้มูฟเมนต์ครั้งใหม่ โดยการร่วมงานกับ Harley-Davidson (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน) แบรนด์ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ระดับโลกสัญชาติอเมริกัน เปิดตัวแคมเปญ ‘ซ่าให้สุดทาง’ เดินหน้าจัดกิจกรรมแบบจัดเต็มลากยาวจนถึงสิ้นปี เพื่อตอกย้ำแบรนด์โซดาซ่าตัวจริง อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค
หากย้อนไปดูที่ผ่านมา โซดาสิงห์มีพันธมิตรหลากหลายสไตล์เริ่มตั้งแต่ Alex Face ศิลปินไทยผู้สร้างผลงานกราฟฟิตี้ดังไกลทั่วโลก ตามด้วย Mr.Cartoon ศิลปินช่างสักระดับโลก เจ้าของลายสักที่มีเอกลักษณ์บนตัวศิลปินระดับโลกมากมาย, S.V.S.S. และ Dry Clean Only แบรนด์แฟชั่นสตรีทอาร์ตสัญชาติไทย ฯลฯ ที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานลงบนฉลากลิมิเต็ดเอดิชัน ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
การร่วมงานของโซดาสิงห์และ Harley-Davidson ในครั้งนี้นับเป็นการคอลลาบอเรชันกับโกลบอลแบรนด์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยมีมา และถือได้ว่านี่คือการที่เครื่องดื่มจากเอเชียอย่างโซดาสิงห์ได้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Harley-Davidson อีกด้วย
ว่ากันว่าใช้เวลาเจรจาร่วมกันนานกว่า 3 ปีเลยทีเดียว โดย ภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายของแคมเปญครั้งนี้ว่า แท้จริงแล้วเป็นการสร้างโมเมนตัมให้เกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นสิ่งสะท้อนการไม่หยุดนิ่งของแบรนด์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย เราจะเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะกับแบรนด์ อีกทั้งการได้ร่วมงานกับ Harley-Davidson ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาให้เกียรติมาร่วมงานกับเรา
สิ่งที่น่าสนใจของแคมเปญอยู่ภายใต้คอนเซปต์ ‘ซ่าให้สุดทาง’ เป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์มารวมกัน ทั้งความซ่าของโซดาสิงห์ในการสร้างทั้งความต่างและแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภค ขณะที่แบรนด์ระดับตำนานของโลกอย่าง Harley-Davidson เป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
ทั้งสองแบรนด์ล้วนมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน ครองใจผู้บริโภคหลากหลายกลุ่มในวงกว้าง
อีกหนึ่งเป้าหมายของแคมเปญยอดขายเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่โซดาสิงห์อยากสร้างทัศนคติให้กับแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนาน จนถึงวันนี้แบรนด์ไม่ได้เก่าตามช่วงเวลา แต่ยังพยายามสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ให้ได้ โดยทำให้เห็นว่าโซดาสิงห์เป็นเสมือนพี่ชายที่อยู่เคียงข้างกันไป
สำหรับไฮไลต์ความพิเศษของแคมเปญคือ การออกฉลากดีไซน์ลิมิเต็ดเอดิชัน ‘โซดาสิงห์ x Harley-Davidson’ รวมถึงกิฟต์เซ็ตและเสื้อออฟฟิเชียลคอลเล็กชันส่งตรงจาก Harley-Davidson สหรัฐอเมริกา งานนี้นักสะสมหรือแม้แต่สายแฟชั่นทั้งหลายไม่ควรพลาด
รวมถึงกิจกรรมโรดโชว์ที่เดินทางไปจังหวัดภูเก็ต, พิษณุโลก, นครราชสีมา, เชียงใหม่ และปิดท้ายที่จังหวัดเชียงราย และในปีนี้โซดาสิงห์ยังร่วมเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักขับขี่จากหลากหลายประเทศทั่วเอเชียในงาน Asia Harley Days ซึ่งถือเป็นการรวมตัวคนรักฮาร์ลีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และจัดคู่กับคอนเสิร์ต Thailand Moto-Music Festival of Asia ที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย
เชื่อว่าแคมเปญ ‘ซ่าให้สุดทาง’ นอกจากจะเป็นการเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมแล้ว ยังจะสามารถส่งต่อความสนุกสนานและสร้างประสบการณ์ที่ดี ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงผู้ขับขี่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นผู้ขับขี่ทั่วเอเชียที่จะมีโอกาสเข้าร่วมงานรวมตัวประจำปีที่กำลังจะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายด้วย
เรียกได้ว่ากลยุทธ์คอลลาบอเรชันเป็นหัวใจหลักของโซดาสิงห์ที่ทำร่วมกับแบรนด์อื่นๆ มาโดยตลอด และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้บริโภครอคอยทุกปี ไม่ว่าจะร่วมมือกับใครหรือแบรนด์ไหนก็สามารถครีเอตสิ่งใหม่ๆ ให้กับตลาดและผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ในอนาคตจะได้เห็นการร่วมงานกับแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเลือกร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะพิจารณาจากประวัติที่ยาวนานของแบรนด์ มีคาแรกเตอร์ตรงกัน เป็นกลุ่มโปรดักต์พรีเมียม และตั้งใจสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ หรือจะเรียกได้ว่าทั้งสองแบรนด์จะต้องเสริมภาพลักษณ์ให้กันได้
สุดท้ายแล้วการทำตลาดของโซดาสิงห์ไม่มีฉบับตายตัว แต่มีจะปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัย เนื่องด้วยวิธีคิดและไอเดียใหม่ๆ จึงทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีความผูกพันกับแบรนด์มาอย่างยาวนาน