Sea Group บริษัทเทคโนโลยีที่ถูกขนานนามว่ามีมูลค่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศแผนการระดมทุน 6.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 2 แสนล้านบาท ซึ่งดีลครั้งนี้ถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี ซึ่งหากสำเร็จ ดีลนี้จะเป็นดีลที่จะขับเคลื่อนการขยายกิจการ รวมถึงเพิ่มความสามารถในการเข้าซื้อกิจการทั่วโลกของบริษัท Sea ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สัญชาติสิงคโปร์ได้
โดยดีลครั้งนี้จะเสนอขายทั้งหมด 11 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์ (ราวๆ 1.2 แสนล้านบาท) และออกหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ (ราวๆ 8 หมื่นล้านบาท)
ในการแถลงข่าว Sea อธิบายว่า จะใช้เงินที่ได้รับ “สำหรับการขยายธุรกิจและวัตถุประสงค์ทั่วไปขององค์กรอื่นๆ รวมถึงการลงทุนเชิงกลยุทธ์และการเข้าซื้อกิจการที่อาจเกิดขึ้น” โดยไม่ขอลงรายละเอียด
เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ Sea ได้ใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อกิจการ ตลอดจนทุ่มให้กับกิจกรรมทางการตลาด โดยให้ความสำคัญกับการ ‘เติบโต’ มากกว่า ‘ผลกำไร’
สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้เกิดการ ‘ขาดทุน’ ครั้งใหญ่ ซึ่งสะท้อนได้จากผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 ที่ขาดทุนสุทธิ 433 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 1.4 หมื่นล้านบาท กระนั้นนักลงทุนกลับชอบศักยภาพในการเติบโต เห็นได้จากหุ้นของ Sea ทำผลงานได้ดีมาก พุ่งขึ้นสูงถึง 75% ในปีนี้ และหากมองตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว หุ้นของ Sea มีการเติบโตมากถึง 8 เท่า
การเติบโตแบบพุ่งทะยานนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดอย่างรวดเร็ว ทั้งจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจเกมในช่วงวิกฤตโควิด ทั้งความสำเร็จของเกมยิงปืนที่โด่งดังอย่าง Free Fire และแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์อย่าง Shopee ทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัท ฟอร์เรสต์ หลี่ กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของสิงคโปร์เมื่อเดือนสิงหาคม หลังมูลค่าหุ้นบริษัทพุ่งสูงขึ้น
“Sea กำลังขยายตลาดอีคอมเมิร์ซในลาตินอเมริกา และธุรกิจจัดส่งอาหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด การครองส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากที่สุดคือกุญแจแห่งความสำเร็จ” สชิน มิททาล นักวิเคราะห์จาก DBS Group Holdings Ltd. ของสิงคโปร์ กล่าว
ดังนั้น Sea จำเป็นต้องมีเงินทุนเพิ่มเติม เนื่องจากการขยายธุรกิจใหม่ๆ “จะต้องทุ่มเงินลงทุนจำนวนมากเป็นเวลาหลายปี (เพื่อแลกกับ) ส่วนแบ่งทางการตลาด”
ถ้านับเฉพาะ 11 ล้านหุ้นที่ Sea เสนอ จะเป็นการเสนอขายหุ้นที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ Pinduoduo Inc. บริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีน เคยระดมทุนไว้ที่ 4.1 พันล้านดอลลาร์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน (ข้อมูลอ้างอิงจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Bloomberg) แต่หากนับรวมการระดมทุนทั้งหมด โดยนับหุ้นกู้แปลงสภาพด้วย ดีลนี้จะเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ T-Mobile US Inc. บริษัทให้บริการสัญญาณเครือข่ายของอเมริกา เคยระดมทุนไว้ในเดือนมิถุนายน 2020
โดย Sea กำลังวางแผนที่จะขยาย Shopee ไปยังยุโรป อินเดีย และบราซิล รวมถึงเมื่อปลายปีที่แล้ว Sea เข้าจดทะเบียนขออนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารดิจิทัล หรือ Digital Banking License ในสิงคโปร์ เพื่อเปิดธุรกิจฟินเทคได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย และยังเข้าซื้อกิจการธนาคาร PT Bank Kesejahteraan Ekonomi ของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Bank BKE เมื่อเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม Google และพาร์ตเนอร์ คาดการณ์ไว้ว่า การใช้จ่ายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้น 3 เท่า ซึ่งจะมีมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ซึ่งจะทำให้บริษัทฟินเทคต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Shopee โตแรง 160% ทำรายได้ทะลุ 4 หมื่นล้านบาท แต่การโหมอัด ‘งบโฆษณา’ ทำให้ขาดทุนกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท
- Shopee เตรียมบุกโลกอีคอมเมิร์ซยุโรป เล็งเปิดตัวใน ‘โปแลนด์’ เป็นแห่งแรก
อ้างอิง: